หลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ทำการอนุมัติ Bitcoin ETF อย่างเป็นทางการทำให้นักลงทุนทั่วโลกคาดหวังได้ถึงมูลค่าของ Bitcoin ที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต โดยหากพิจารณาจากสถิติในอดีตที่กองทุน Gold ETF เกิดขึ้นในปี 2004 ก็ทำให้ราคาทองคำเป็นขาขึ้นอย่างยาวนานได้เช่นกัน
ข้อมูลจาก VanEck หนึ่งในบริษัทจัดการลงทุนที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้ง Bitcoin ETF เปิดเผยว่าช่วงที่เริ่มเปิดตัวกองทุน ETF GLD ที่ลงทุนในทองคำแท่งและเปิดให้ซื้อขายในตลาดหุ้นได้ในเดือนพฤศจิกายน 2004 ภายในสามวันแรกมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า 1,000 ล้านดอลลาร์ และภายในไตรมาสแรกของปี 2005 มีเม็ดเงินเข้ามาเป็น 2,260 ล้านดอลลาร์
เวลานั้นมูลค่าตลาดรวมของทองคำอยู่ที่ 2.36 ล้านล้านดอลลาร์ มีเงินทุนไหลเข้าใน ETF เป็นสัดส่วน 0.04% เวลาผ่านไป 3 เดือนมีมีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มเป็น 0.1% ของมูลค่าตลาดรวมทองคำ บ่งบอกว่าการมี ETF ทำให้เม็ดเงินลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆได้สะดวกขึ้นจริง
ทั้งนี้ VanEck ประเมินว่าภายในหนึ่งไตรมาส อาจจะมีเงินทุนไหลเข้าใน Bitcoin ETF รวม 1,000 ล้านดอลลาร์ และอาจจะเติบโตถึงระดับ 2,400 ล้านดอลลาร์ และในระยะยาวสองปีแรก อาจจะมีเงินทุนไหลเข้าสูงถึง 40.4 พันล้านดอลลาร์ซึ่งสามารถคาดหวังได้ถึงมูลค่าของ Bitcoin ที่จะเติบโตขึ้น
ทางด้านราคาทองคำหลังจากที่มี GLD ETF ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 380 ดอลลาร์ขึ้นมาทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1530 ดอลลาร์ หรือปรับตัวขึ้น 400% และเป็นขาขึ้นยาวนานกว่า 7 ปี มีช่วงที่ราคาย่อตัวแรงในปี 2009 จากเหตุการณ์ Sub Prime Crisis เท่านั้น
ส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำเป็นขาขึ้นยาวนานต่อเนื่องในเวลานั้นเป็นเพราะโลกมีการอัดฉีดสภาพคล่องจากการทำ QE ทำให้มีเม็ดเงินไหลไปลงทุนในทองคำเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อด้วยทำให้ราคาเป็นขาขึ้นได้อย่างยาวนาน
ขณะที่ปี 2024 อาจจะไม่เห็นสถาพคล่องส่วนเกินจำนวนมากเหมือนกับสมัยปี 2009 แต่ปริมาณเงิน M2 ในระบบก็เติบโตขึ้นมาหลายปีด้วยเช่นกันประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้สถานการณ์ของ Bitcoin หลังจากนี้อาจจะคล้ายกับทองคำในอดีตก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามการที่นักลงทุนสถาบันจะเข้ามาใน Bitcoin อาจทำให้เกิดความท้าทายว่าเม็ดเงินจำนวนมากจะสามารถควบคุมราคาตลอดจนครอบครองกิจการที่เกี่ยวข้องอย่างเหมืองขุด Bitcoin ได้เหมือนกับปัจจุบันที่ราคาทองคำมีความผันผวนเพราะเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้การมีนักลงทุนสถาบันเป็นผู้เล่นจะทำให้ราคา Bitcoin มีเสถียรภาพมากขึ้น อาจจะไม่ได้เห็นวัฐจักรขาขึ้นและขาลงชัดเจนอีกต่อไป แต่จะค่อยๆเติบโตมากกว่าและเมื่อเติบโตได้ระดับหนึ่งราคาจะเริ่มนิ่งและ Sideway มากขึ้น ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงอาจจะเหมาะสมสำหรับการลงทุนระยะยาวใน Bitcoin ก็เป็นได้
ทั้งนี้ความเห็นและการวิเคราะห์ของผู้เขียนไม่ถือว่าเป็นคำแนะนำทางการเงินและต้องใช้ปัจจัยอื่นในการประกอบตัดสินใจลงทุนด้วยเสมอ
บทความโดย : ณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS)
สงวนลิขสิทธิ์บทความเฉพาะสื่อในเครือหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ MGR online , iBit และ ที่ได้รับอนุญาติจากผู้เขียนซึ่งเป็นเจ้าของบทความเท่านั้น
