ตลาดหุ้นเอเชียเปิดภาคเช้าลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (10 ม.ค.) โดยเคลื่อนไหวตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 4% ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ดัชนีนิกเกอิของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังแตะระดับสูงสุดในรอบ 33 ปีในการซื้อขายวันก่อนหน้า ขณะที่ เงินเฟ้อของออสเตรเลียแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,143.97 จุด ลดลง 46.02 จุด หรือ -0.28% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,886.98 จุด ลดลง 6.28 จุด หรือ -0.21% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 33,896.33 จุด เพิ่มขึ้น 133.15 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี S&P/ASX 200 ของตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.3%
ดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลงเล็กน้อย หลังอัตราว่างงานของเกาหลีใต้แตะระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือน ส่วนดัชนี Kosdaq ร่วงลง 0.76%
ผลสำรวจนักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ถ่วงน้ำหนักของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักดัชนี CPI ในเมืองเอก 8 แห่งของออสเตรเลีย อาจเพิ่มขึ้น 4.4% ในเดือน พ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) รวมทั้งข้อมูลการค้าของจีนในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของจีน
นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือน มี.ค.ปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 79%