วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่องในปี 2567 ซึ่งฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และยังสะท้อนให้เห็นว่าความพยายามของรัฐบาลจีนในการรักษาเสถียรภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ไว้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนอาจจะเผชิญภาวะหดตัวติดต่อกัน 3 ปี ซึ่งเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายงานระบุว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 ลดลง 8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนในปี 2565 การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง 8.4%
การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าภาวะถดถอยของตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนยังไม่สิ้นสุด แม้รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นอุปสงค์การซื้อบ้าน นอกจากนี้ การทรุดตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังหมายความว่า ภาคส่วนดังกล่าวไม่สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของจีนได้อีก
ทั้งนี้ บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์คาดการณ์ว่า อุปสงค์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะมีสัดส่วนประมาณ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งลดลงจากระดับ 24% ในปี 2561
ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งนำโดยนายฮุย ซาน คาดการณ์ว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะหดตัวในระดับเลขสองหลักในปี 2567 และคาดว่าจะฉุดตัวเลข GDP ที่แท้จริงลงประมาณ 1%
ด้านนักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่า การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะลดลง 7% ขณะที่ยูบีเอสคาดว่าจะปรับตัวลดลง 5% นอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์จากจีนมีมุมมองเชิงลบเช่นกัน โดยนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารไชน่า เมอร์แชนท์ส แบงก์ อินเตอร์เนชันแนล (China Merchants Bank International) คาดว่าการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะลดลง 7%