FETCO เผย 3 ปัจจัย สงครามระหว่างประเทศ เศรฐกิจจีน และเศรษฐกิจถดถอย ทำหุ้นไทยร่วงแรง คาดกดดันตลาดอีกระยะหนึ่ง แนะตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าสร้างพื้นฐานใหม่ เชื่อหุ้นตกแค่ระยะสั้น ในขณะที่พื้นฐานระยะยาวยังดี และการลงทุนจะกลับมา และยังเป็นโอกาสทบทวนคุณภาพ บจ. หลังเกิดปัญหากับหุ้นขนาดเล็ก และปัญหาการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นที่ปรับลดลงแรงในช่วงนี้ มาจากแรงกดดันจากต่างประเทศ และเชื่อว่ายังจะเป็นแรงกดดันต่อไปอีกระยะหนึ่ง จาก 3 ปัจจัย คือ สงครามระหว่างประเทศ เศรษฐกิจจีน ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน และเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้คาดว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะแรงขึ้นในปีหน้า ขณะที่ปัญหาอสังหาฯ ในจีนจะยังไม่จบ ถือว่าปัจจัยในเอเชียยังมีแรงกดดันมาก ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้ผลประกอบการในหลายบริษัทไม่ดี ส่งออกก็มีปัญหา ถือเป็น Sentiment ที่ไม่ดี ส่วนประเทศไทยกำลังได้รับแรงกดดัน และลาดทุนต้องปรับตัวอีกระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันสินทรัพย์ที่เราจะถือนั้นต้องมองว่าระยะยาวเป็นอย่างไร กำไรเขาจะกลับมาไหม เช่น กลุ่มแบงก์ผลประกอบการดี
แนะตลท. สร้างพื้นฐานที่ดี เชื่อศก.ปีหน้ายังโต-การลงทุนกลับมา
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องดำเนินการคือ สร้าง Fundermental ที่ใช่ให้กับตลาด โดยมองว่าพื้นฐานของไทยในระยะยาวยังดี หุ้นที่ตกเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น หากสร้างพื้นฐานได้ต่อเนื่อง กำไร และผลตอบแทนก็จะกลับมา เนื่องจากอนาคตเศรษฐกิจปีหน้ายังขยายตัวได้ดี และการลงทุนจะกลับมา ซึ่งคาดว่าผลประกอบการกำไรของบริษัทน่าจะเติบโตได้ในปี 67 ทำให้ราคาหุ้นของแต่ละตัวน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้
ขณะที่ความกังวลใจเรื่องหุ้นกู้ ต้องดูแล และจัดการให้มีคุณภาพ ทั้งตัวหุ้น หุ้นกู้ที่ออกมาให้ได้รับการตรวจสอบ ดูแลให้เหมาะสม าว
"ในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอน ต้องใช้โอกาสนี้กลับมาทบทวนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) หรือ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) มันมีนัยสำคัญที่จะต้องเข้มงวด บจ.ในหลายเรื่องเพื่อให้เกิดคุณภาพ และทบทวนสิ่งที่เป็นปัญหาในตลาดทุน เช่น หุ้นตัวเล็กที่เป็นแหล่งของการปั่น ขณะเดียวกันพยายามคิดว่าจะหาหุ้นใหม่ที่มีความน่าสนใจได้อย่างไร" ดร. กอบศักดิ์ กล่าว