นักวิเคราะห์ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัป แรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนเชื่อว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง จากข่าวกลุ่มกบฏฮูตีกลับมาโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง ประเด็นดังกล่าว หนุนกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่นให้กลับมาประคองตลาดได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศการรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนภาพการฟื้นตัวได้ดี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และ Domestic consumption พร้อมทั้งให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,405 จุด และแนวต้าน 1,425 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ถึงไซด์เวย์อัปต่อ แรงหนุนจากปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศที่เห็นสัญญาณบวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อวานนี้ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีดอลลาร์อ่อนลง เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
รวมทั้งเมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงที่ 2.5% จากข่าวกลุ่มกบฏฮูตีกลับมาโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประเด็นดังกล่าวหนุนกลุ่มน้ำมัน โรงกลั่นให้กลับมาประคองตลาดได้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศเมื่อวานนี้ มีการรายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนภาพการฟื้นตัวได้ดี ซึ่งจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และ Domestic consumption ได้
อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายตลาดวันนี้อาจต้องระวังความผันผวนเพิ่มขึ้นมา เพราะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการซื้อขายตลาด TFEX ใน Series Z ซึ่งโดยปกติความผันผวนช่วงปลายตลาดจะเพิ่มขึ้น แต่บรรยากาศโดยรวมการลงทุนในดัชนีตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่
โดยหุ้น Top Pick ในวันนี้ ได้แก่ BH จากจำนวนนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางที่เข้ามาในประเทศช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. เพิ่มขึ้นมาก สะท้อนจำนวนผู้ป่วยตะวันออกกลางของ BH น่าจะอยู่ในระดับที่ดี หนุนผลประกอบการได้ และราคาหุ้นปรับฐานลงมามาก และ ICHI ที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้การบริโภคในประเทศเพิ่มขึ้นมา รวมทั้ง ICHI จะเข้าคำนวณดัชนี SET100 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 ส่งผลให้ช่วงท้ายๆ อาจจะมีเม็ดเงินของกองทุนเข้ามาซื้อ และคาดว่าไตรมาส 1/67 ที่เป็นช่วง High Season กำไรจะกลับมาเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY อีกครั้งหนึ่ง
พร้อมทั้งให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,405 จุด และแนวต้าน 1,425 จุด