โบรกฯ มองแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้น เก็งเฟดคงดอกเบี้ยหลังตัวเลขแรงงานสหรัฐฯ ต่ำคาด-GDP ชะลอ นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 50% ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือน มี.ค.67 จากเดิมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนักลงทุนให้น้ำหนัก 50% ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน พ.ค.67 รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าไปที่ตลาดพันธบัตรและหุ้น
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (Job Openings) ลดลงอยู่ที่ 8.7 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาด คาดที่ระดับ 9.3 ล้านตำแหน่ง สะท้อนแนวโน้มตัวเลขภาคแรงงานอื่นๆ ของสหรัฐ เช่น ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะรายงานในวันศุกร์นี้น่าจะปรับตัวลดลง
ขณะที่เมื่อวันจันทร์ GDPNow ของ Fed Atlanta ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ ในไตรมาส 4/66 จากเดิมที่ 1.8% ลงมาที่ 1.2% สะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ลดลงจากไตรมาส 3/66 ทำให้มีโอกาสน้อยมากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 50% ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นครั้งแรกในเดือน มี.ค.67 จากเดิมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนักลงทุนให้น้ำหนัก 50% ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน พ.ค.67 รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้าไปที่ตลาดพันธบัตรและหุ้น
โดยกลุ่มที่แนะนำในวันนี้ ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้าจากราคาน้ำมันและบอนด์ยิลด์ที่ลดลง และหุ้นที่เป็นเป้าหมายกองทุน TESG ซึ่งเมื่อวันจันทร์ (4 ธ.ค.) เริ่มเห็นแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ADVANC PTT และ CPALL รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High season
พร้อมให้กรอบแนวต้าน 1,400 จุด และแนวรับ 1,375 จุด ทั้งนี้ รอมูลค่าการซื้อขายเข้ามาประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท ดัชนีน่าจะยืนเหนือ 1,400 จุดได้