เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ เผยผลงานไตรมาส 3 ทำรายได้ 782.9 เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ผลดีจากทุกกลุ่มธุรกิจเติบโต เดินหน้าจับมือ Hectocorn เพื่อต่อยอดธุรกิจแบมบู มาร์ท เตรียมรุกหนักขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เสริมกลยุทธ์ Direct to consumer แกร่ง
นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิตจัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร เผยถึงผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2566 ว่า จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้จากการขาย 782.9 ล้านบาท มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจร้านค้าปลีกและค้าส่งสินค้าเอเชีย กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก
อีกทั้งการเติบโตในไตรมาสนี้เป็นผลมาจากกำไรการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ลดลง 14.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นที่พอใจกับผลลัพธ์เนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อที่สูงทั่วโลก แม้มีการสวนทางกับสภาสะเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน เรามีการจัดตั้ง “Bamboo Mart Limited” โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อเป็นการขยายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจค้าปลีก ทั้งเรายังเล็งเห็นว่า ความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภคเป็นโอกาสสำคัญที่จะเราจะพัฒนาและมุ่งที่จะมอบสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและเข้าถึงยิ่งขึ้น อีกทั้งมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการกระจายสินค้า และจึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เราจับมือกับพันธมิตร ที่ได้ถูกขนานนามว่า ว่าที่ Hectocorn รายที่ 3 โดยแผนดำเนินงานในขณะนี้สอดรับกับกลยุทธ์ Direct to consumer เพื่อการเติบโตในระยะยาว ส่งผลให้รายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนแรก ทำรายได้รวม 1,891.8 ล้านบาท
การร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นสตาร์ทอัปที่เชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับการขนานนาม ว่าที่ Hectocorn รายที่ 3 นั้น นับว่าเป็นแพลตฟอร์มชื่อดังระดับโลก ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.3 ล้านล้านบาท หวังดันยอดขายให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท
นายแดน กล่าวเสริมว่า “การจับมือกับสตาร์ทอัปชื่อดังจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสให้แก่บริษัท ทั้งนี้การร่วมมือกันครั้งนี้มีแผนจะพัฒนาร้านซูเปอร์ในรูปแบบ Virtual Shop ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการดันยอดขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท” สำหรับในไตรมาส 4/2566 เราจะสามารถโชว์เพอร์ฟอแมนซ์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานซูเปอร์ที่อังกฤษ โดยมีแผนการเพิ่มสาขาของแบมบู มาร์ท และมีแผนเข้าซื้อซูเปอร์มากขึ้น ซึ่ง ณ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา และจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจดั้งเดิม
สำหรับแผนกลยุทธ์การรุกหนักด้านการขยายธุรกิจ Omni Channel เรามีแผนที่จะขยายสาขาแบมบู มาร์ทและเข้าซื้อซูเปอร์มาร์เกต ซึ่ง ณ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา นอกจากนี้ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาร้านค้าออฟไลน์ “See Woo” ที่ตั้งอยู่ในไชน่าทาวน์ ณ กรุงลอนดอน เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้สินค้าเอเชียในตลาดระดับสากล ทั้งยังส่งเสริมสินค้าเกษตรท้องถิ่นได้อีกด้วย