สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ฯ งวด 9 เดือนแรกปีนี้บุ๊กกำไร 242.30 ล้านบาท เติบโต 5% เทียบปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,055.37 ล้านบาท แย้มทิศทางโค้งสุดท้ายของปีจ่อขยายตลาดใหม่ เดินหน้าพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการผลิต
นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT เชื่อปี 2567 ยอดขายจะกลับมาโตโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ชูกลยุทธ์อัปเกรดการทำงานโดย AI มากขึ้น เพื่อรองรับลูกค้าไซส์ใหญ่ หลังเจาะตลาดยุโรป-สหรัฐฯ ได้ลูกค้ารายใหญ่เพิ่ม
ส่วนแนวโน้มผลงานของ Q4 จะเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยเน้นกลยุทธ์การบริหาร Supply Chain ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการขยายฐานลูกค้าในตลาดใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดอย่างสม่ำเสมอ โดยแต่ละธุรกิจ ได้แก่ กลุ่ม Communication ที่ 45% Audio 10% IC 15% Automotive 15% และกลุ่ม Industry อื่นๆ อีก 15% และพร้อมเตรียมรุกตลาดอุตสาหกรรมการบินและ EV เพิ่มเติมด้วย
“ปี 2567 โดยภาพรวมต้นทุนดีขึ้นวัตถุดิบกลับสู่ภาวะปกติ และหลังจากที่บริษัทมีการปรับตัวโดยขยายตลาดใหม่ๆ โดย SMT ได้ลูกค้าใหม่ในตลาดยุโรปราว 20 ราย เนื่องจากเข้าไปเจาะกลุ่มลูกค้าในทวีปดังกล่าวได้เร็ว ตลาดในประเทศยุโรปมีความต้องการเกี่ยวกับชิ้นส่วนทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตมากขึ้น ส่งผลให้ฐานลูกค้าขยายตัว และล่าสุดได้ลูกค้ารายใหญ่ในตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่มมาอีก 1 ราย” นายวิรัตน์ กล่าว
ในขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ตลาดขยายตัวอย่างชัดเจน บริษัทได้รับออเดอร์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก และคาดว่าจะเห็นทิศทางที่ดีขึ้นในระยะยาว ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการลงทุนซื้อเครื่องจักรประมาณ 60 ล้านบาท ผ่านแผน BOI เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตงานด้าน Optical และยังได้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอีกทางด้วย
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทในงวด 9 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 242.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 5% YoY เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือน ปี 65 กำไรสุทธิ 231.70 ล้านบาท
สำหรับยอดขายปี 66 เชื่อว่ายังเติบโตได้บนตัวเลข 2 หลัก ถึงแม้เป้าหมายรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 2,800-2,900 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยธุรกิจ OSAT คือ แผงวงจรไฟฟ้ารวม (IC Packaging) มีคำสั่งซื้อชะลอตัว ส่วนธุรกิจอุปกรณ์การสื่อสาร Fiber Optics ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ยังมีการเติบโตที่ดี และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นสามารถปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อน (QoQ) จากสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูงมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น