ฟลอยด์ ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังเติบโตดี ติดสปีดคว้างานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารมาได้รวดเดียวถึง 2 โครงการ ตุนพอร์ตเสริมความแกร่งให้อุ่นใจ ก่อนเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 พร้อมขานรับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่ส่งให้ภาคธุรกิจค้าปลีกกำลังเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว สนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงยั่งยืน
นายอภิรัช เมืองเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานวิศวกรรมระบบสาธารณูปโภค และระบบดาต้าเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีเริ่มเห็นสัญญาณดี และมีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุน จากการเดินหน้าทยอยส่งมอบงานในมือที่แล้วเสร็จ พร้อมรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยการดำเนินงานต่อจากนี้ไปยังคงต้องควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุม ปิดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ปักธงเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มห้างค้าปลีก อาคารสำนักงาน และ Data Center ที่มีการขยายตัว พร้อมกับการมองหาโอกาสขยายงานใหม่ๆ ขานรับนโยบายภาครัฐที่กำลังเดินหน้าแผนกระตุ้นพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุน สนับสนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างที่จะมีการทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในครึ่งปีหลัง บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการก่อสร้าง โฮมโปร สาขาบางบัวทอง (กาญจนาภิเษก) ซึ่งเป็นงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร โดยมีบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ว่าจ้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และอีกโครงการได้แก่ โครงการก่อสร้าง โนเบิล ครีเอท เป็นงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร มีบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ว่าจ้าง และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 510.76 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ ระหว่างปี 2566-2568 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างยื่นซองประมูลงานอีก 4-5 โครงการ มีทั้งโครงการภาครัฐ กลุ่ม DATA CENTER และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งคาดว่ามีโอกาสได้งานสูง สะท้อนให้เห็นถึงการเดินหน้าการลงทุนจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่กำลังกลับมาเดินหน้า รวมถึงความเชื่อมั่นที่ผู้ประกอบการมีต่อบริษัท สนับสนุนโอกาสในการรับงานใหม่ ซึ่งจะช่วยเสริมฐานรายได้และกำไรที่มั่นคงให้ FLOYD ในระยะยาว
โดย FLOYD มองเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก เช่น GO Wholesale ธุรกิจค้าส่งด้านอาหาร ในเครือเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ที่วางเป้าปูพรมเปิด 50 สาขาใหม่ ภายใน 5 ปี รวมถึงเข้าประมูลงานของศูนย์การค้าโลตัส (Lotus’s) ที่วางแผนเปิดสาขาใหม่และพัฒนาพื้นที่ศูนย์การค้าทั่วไทย พลิกโฉมสู่การเป็น SMART Community Center ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของคนแต่ละพื้นที่ และห้างค้าปลีกบิ๊กซี (Big C) ที่กำลังโฟกัสการขยายสาขา พร้อมเดินหน้าปรับปรุงสาขาให้สอดคล้องกับตลาดและกลุ่มลูกค้ามากที่สุด ล้วนเป็นโอกาสในการเข้าร่วมประมูลงานของบริษัททั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นการเดินหน้าลงทุนจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน สนับสนุนโอกาสในการรับงานเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเสริมฐานรายได้และกำไรที่มั่นคง
“นอกจากนี้ สินทรัพย์ดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีบล็อกเชน ยังได้การยอมรับจากภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล Web 3.0 และการเติบโตของตลาดคริปโตฯ”
Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด "Build in Bear, Rise in Bull" จึงจัดขึ้นเพื่อให้ผู้ที่สนใจเทคโนโลยีตลอดจนนักลงทุนใช้เวลาในช่วงตลาดชะลอตัวเพื่อศึกษาหาความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ช่วงตลาดขาขึ้นหรือตลาดกระทิง โดยนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานี้ในการพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีและลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยงานดังกล่าวจัดเต็ม 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2566 ณ ศูนย์การค้าใจกลางเมือง Samyan Mitrtown Hall
ภายในงานพบกับผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน นำโดย นายพิริยะ สัมพันธารักษ์ (อ.ตั๊ม) และนายโฉลก สัมพันธารักษ์ (ลุงโฉลก) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล นายกานต์นิธิ ทองธนากุล เจ้าของเพจ Kim DeFi Daddy นายปรมินทร์ อินโสม ผู้ร่วมก่อตั้ง Firo พร้อมนักลงทุนและวิทยากรด้านการลงทุนชื่อดังของไทย นายซีเค เจิง (CK Cheong) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาสต์เวิร์ค เทคโนโลยีส์ จำกัด (Fastwork) แพลตฟอร์มรวมฟรีแลนซ์ชื่อดัง HashKey Capital ผู้ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกในฮ่องกง หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ตลอดจนผู้ก่อตั้งโปรเจกต์บล็อกเชนระดับโลก เช่น Sandbox, MEMELAND & 9GAG, Coin98, Hashed, Trust Wallet, Sui Foundation และ Aura Network รวมไปถึงวิทยากรชาวต่างชาติอีกมากมายที่จะมาให้ข้อมูลเชิงลึกอัปเดตในงานนี้เป็นที่แรก
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาจากตัวแทนผู้บริหารของผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานนี้ ได้แก่ คุณธนะเมศฐ์ อาริยวัฒน์ Venture Director บริษัท กสิกร เอ็กซ์ จำกัด (KX) คุณดีพร้อม สมเกียรติเจริญ Development Lead บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) คุณอดิรุจ นิธิเลิศวิวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง 100X คุณวิมลพรรณ วิบูลย์มา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กรและการตลาด บริษัท บิทาซซ่า จำกัด ได้มาร่วมเสวนาในหัวข้อ “Blockchain Vision Forward เปิดมุมมองอนาคตโลกบล็อกเชน” โดยมีสาระสำคัญว่า
“ก่อนหน้านี้เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกพูดถึงมากมาย เพราะอาจเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายใหม่ในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดและพัฒนาระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ แต่การที่จะเกิด Mass Adoption (การนำมาใช้งานโดยทั่วไป) อยู่ที่ความง่ายของการใช้งาน ผู้ให้บริการที่ครอบคลุม รวมไปถึงระบบหลังบ้านที่รองรับธุรกรรมมหาศาล สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่สามารถขาดอันใดอันหนึ่งได้ แน่นอนว่าผู้ประกอบการและสถาบันการเงินอันดับต้นๆ ในประเทศไทยต่างเริ่มให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้งานอย่างจริงจัง ซึ่งงาน Blockchain Genesis, Thailand Blockchain Week 2023 ถือเป็นศูนย์รวมความรู้ และคอนเน็กชันด้านบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย”
งานในครั้งนี้จะอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสุดเข้มข้นกับ 3 เวที ตลอดทั้ง 2 วัน ได้แก่ เวทีใหญ่ “เจเนซิส เสตจ” (Genesis Stage) เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้นศึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมผู้ดำเนินรายการมืออาชีพที่จะช่วยย่อยเนื้อหาให้เข้าใจง่าย ตลอดจนอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีที่สำคัญให้คุณได้รู้ก่อนใคร เวทีที่ 2 “แอดวานซ์ เสตจ” (Advance Stage) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับความรู้ในการลงทุนหรือพัฒนาโปรเจกต์ เนื้อหาเจาะลึกจากแบรนด์และผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซีเป็นอย่างดี และเวทีที่ 3 “เวทีกิจกรรม” (Activities Stage) พบกับกิจกรรมแจกของรางวัล สุดพิเศษพร้อมโปรโมชันจากบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งไทยและต่างชาติ
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถซื้อบัตรได้ที่ www.eventpop.me/e/15676/blockchainth2023 บัตรแบบมาตรฐาน (General) ราคา 299 บาท สามารถเข้าร่วมงานได้ 2 วัน พร้อมรับของที่ระลึกและสิทธิร่วมลุ้นรางวัลจากกิจกรรม Quest Hunting พร้อมรับ NFT ซึ่งพัฒนาโดย SIX Network และบัตรนักเรียน-นักศึกษาราคาพิเศษ 150 บาท
พิเศษสุด!! กับบัตร VIP ราคา 10,000 บาท รับสิทธิประโยชน์มากมาย ได้แก่ สิทธิเข้าร่วมเวิร์กชอปอย่างไม่จำกัด สิทธิเข้าใช้ VIP Lounge ภายในงานพร้อมอาหารเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าร่วม Welcome Dinner และ Exclusive Networking Party ส่วนตัวกับนักลงทุนและนักพัฒนาโปรเจกต์แนวหน้า พร้อมโอกาสได้พบกับผู้นำด้านบล็อกเชนจากนานาประเทศ
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานสามารถซื้อบัตรเข้าเวิร์กชอปพิเศษ 'เรียนลัดฉบับเจาะลึก' เพิ่มเติมได้ไม่จำกัดหัวข้อ ในราคา 200 บาท เช่น “เทคนิคการจัดพอร์ตคริปโตฯ ให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด ในทุกช่วงเวลาตลาด”.“เจาะลึกการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อการลงทุนคริปโตฯ แบบฉบับมือโปร” และหัวข้ออื่นๆ อีกมากมาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.blockchain-th.com, www.facebook.com/blockchainthailandevent, https://twitter.com/BGTHOfficial