xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีบี เอกซ์แจ้งกำไรไตรมาส 3 ของปี 2566 จำนวน 9,663 ล้านบาท ลดลง 6.3%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCB) 
แจ้งมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ของปี 2566 จากบริษัทในกลุ่มทั้งหมดจำนวน 9,663 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการตั้งสำรองพิเศษเพิ่มอีก จำนวน 1,500 ล้านบาท เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคตจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น สำหรับ 9 เดือนแรกของปี บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 32,527 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% ในส่วนของธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่ม มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 จำนวน 11,782 ล้านบาท ลดลง 6.3% และมีกำไรสุทธิสำหรับ 9 เดือนแรกของปีจำนวน 36,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.2% ในไตรมาส 3 ของปี 2566 รายได้จากการดำเนินงานมีจำนวน 43,344 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.0% โดยแบ่งเป็นรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 31,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% จากการเติบโตของสินเชื่อ และการขยายตัวของส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ จำนวน 10,667 ล้านบาท ลดลง 9.2% และรายได้จากการลงทุนและการค้าเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวจากปีที่แล้วมาเป็น 1,141 ล้านบาท

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีจำนวน 18,490 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ 42.7% ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ภายใต้สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น บริษัทได้ตั้งเงินสำรองพิเศษจำนวน 1,500 ล้านบาท ทำให้เงินสำรองที่ตั้งในไตรมาสนี้เป็นจำนวน 12,245 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อ (Credit cost) ที่ 2.01% โดยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 167.2%

คุณภาพของสินเชื่อโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 3.30% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.25% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 และเงินกองทุนรวมตามกฎหมายของบริษัทยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.7%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท เอสซีบี เอกซ์ มีผลประกอบการที่มั่นคงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2566 มีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างรัดกุม โดยธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นบริษัทหลักในกลุ่ม มีขีดความสามารถในการทำกำไรสูง บริษัทได้ตั้งสำรองพิเศษเพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น โดยคุณภาพสินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มที่ควบคุมได้ดี

บริษัทเดินหน้าวางรากฐานในการสร้างขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี โดยในไตรมาสนี้ บริษัทได้ร่วมกับสยามพารากอน เปิดตัวพื้นที่ “SCBX NEXT TECH” เพื่อสร้างชุมชนในการเรียนรู้และส่งเสริมนวัตกรรม และบริษัทได้เริ่มการทำ R&D เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันระยะยาวในด้านต่างๆ รวมถึง SCBX GPT ที่จะเป็น Chat GPT ที่เข้าใจเรื่องการบริการทางการเงินและมีความเข้าใจภาษาไทย อีกทั้งกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ กำลังเดินหน้ามุ่งสู่การเป็น AI-first organization ที่มีปัญญาประดิษฐ์เป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้ในอนาคต

บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 2566 ที่ 2.5 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องและสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น