หุ้นไทยร่วงยับปิดตลดลดลงกว่า -23.64 จุด หลังอิสราเอลประกาศกร้าว พร้อมกวาดล้างกลุ่มฮามาสเต็มอัตรา ทำตลาดกลุ่มประเทศตะวันออกกลางกังวลเนื่องจากความขัดแย้งอาจขยายวงพื้นที่เพิ่มขึ้น และกินระยะเวลานานขึ้น ทำให้มีแรงเทขายหนักในหุ้นกลุ่มพลังงงาน อิเล็กทรอนิกส์ และไฟแนนซ์ นักวิเคราะห์คาดพรุ่งนี้อาจรีบาวนด์ฟื้นกลับขึ้นมาบ้างในกรอบแคบๆ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้หุ้นไทยปรับตัวลดลงแล้วกว่า 200 จุด มองกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,418 จุด และแนวต้านที่ 1,430 จุด แนะจับตาสถานการณ์ฺปัจจัยต่างประเทศ
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 16 ต.ค.2566 ปรับตัวลดลงกว่า -23.64 จุด หรือ -1.63% โดยปิดตลาดที่ 1,427.11 จุด มูลค่าซื้อขาย 56,231.67 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,446.26 จุด ในทางกลับกันทิศทางขาลงที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,416.21 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 56 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 115 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 476 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,226.91 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +662.01 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -2,900.17 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -988.74 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 4,198.75 ล้านบาท ปิดที่ 57.25 บาท ลดลง 2.25 บาท
2.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,869.50 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท ลดลง 1.75 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,509.32 ล้านบาท ปิดที่ 172.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
4.HANA มูลค่าการซื้อขาย 2,223.88 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท ลดลง 2.75 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,902.02 ล้านบาท ปิดที่ 33.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. PTTEP ปิดที่ 172.00บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 1.78%
2.ESSO ปิดที่10.60บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ1.92%
3.HMPRO ปิดที่ 12.30บาท เพิ่มขึ้น 0.10บาท หรือ 0.82%
4.TTB ปิดที่1.72บาท เพิ่มขึ้น 0.01บาท หรือ 0.58%
(หุ้นกลุ่ม SET 100 วันนี้มีหุ้นราคาเพิ่มขึ้นเพียง 4 ตัวเท่านั้น)
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่258.00 บาท ลดลง 6.00บาท หรือ 2.27%
2.JMT ปิดที่34.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 10.53%
3.CBG ปิดที่69.50 บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 4.14%
4.SCC ปิดที่297.00 บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 1.00%
5.HANA ปิดที่62.00บาท ลดลง 2.75บาท หรือ 4.25%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,950.00 จุด ลดลง -32.36 จุด หรือ -1.63% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 876.65 จุด ลดลง -13.61 จุด หรือ -1.53% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 419.01 จุด ลดลง -13.30 จุด หรือ -3.08%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงมาแรงตอบรับความกังวลสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสมีโอกาสขยายวงกว้างออกไป เป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นไทยลงมาแรงกว่าภูมิภาคเล็กน้อยด้วยปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีความโดดเด่นทำให้มีทิศทางเป็นลบ แต่การปรับตัวลงมาในระดับนี้เชื่อว่า Valuation จะทำให้ความน่าสนใจมากขึ้นในเชิงพื้นฐาน เพราะฉะนั้นดาวน์ไซด์ค่อนข้างจำกัด
"แม้ว่าสงครามที่เกิดขึ้นไม่ได้กระทบกับประเทศไทยโดยตรง เนื่องจากไทยไม่ได้มีการค้าขายกับอิสราเอลและคู่ขัดแย้งมากนัก อีกทั้งเรายังไม่ได้พึ่งพิงนักท่องเที่ยวจากอิสราเอล ปาเลสไตน์หรือตะวันออกกลางเป็นกลุ่มสำคัญ ดังนั้นผลกระทบที่ได้รับจึงค่อนข้างจำกัดมาก แต่ผลกระทบทางอ้อมเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น เงินเฟ้อมีโอกาสเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เมื่อน้ำมันขึ้นก็ทำให้หุ้นของกลุ่มพลังงานประคองตลาดไว้ได้บ้าง" นายณรงค์เดช กล่าว
อย่างไรก็ดี หากในคืนนี้ยังไม่มีประเด็นเพิ่มเติมในสถานการณ์สงคราม แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้มีโอกาสรีบาวนด์กลับขึ้นมาได้ เพราะวันนี้ลงมาแรงเกินไปจึงมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะเห็น Technical Rebound โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,418 จุด และแนวต้าน 1,430 จุด