“เจนก้องไกล” ปิดเทรดวันแรกที่ 4.86 บาท พุ่งเหนือจอง 28% ที่ปรึกษาการเงินเผย JPARK ปลื้มนักลงทุนตอบรับดี สะท้อนความมั่นใจพื้นฐานแข็งแกร่ง แผนการขยายธุรกิจชัดเจน
หุ้น JPARK หรือบริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) เปิดเทรดวันแรก (3 ต.ค.) ที่ราคา 4.86 บาท พุ่งเหนือจอง 28% จากราคาไอพีโอที่กำหนดไว้หุ้นละ 3.80 บาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 5.35 บาท ต่ำสุดที่ 4.44 บาท เมื่อปิดตลาดราคาหุ้นอยู่ที่ 4.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.86 บาท หรือ 22.63% มูลค่าซื้อขาย 2,288.81 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน JPARK เผยว่า ราคาหุ้น JPARK เปิดทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกที่ 4.86 บาท ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 28% จากราคาจองซื้อที่ 3.80 บาท ซึ่งเป็นการได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่จอดรถมามากกว่า 20 ปี สามารถนำเสนอบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละประเภทได้อย่างครบวงจร โดยหลังจากนี้บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อเสริมศักยภาพ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายของบริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ JPARK เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีสำหรับการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกของ JPARK และมีความยินดีที่นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการกำหนดราคาที่มีความเหมาะสม จากลักษณะธุรกิจที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจบริหารพื้นที่จอดรถ และรับจ้างบริหารพื้นที่จอดรถ ประกอบกับความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 22-25% อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับ 11-12% รวมถึงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
นายสันติพล เจนวัฒนไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JPARK เผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งจากการให้การต้อนรับ และการสนับสนุนที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอเป็นวันแรก โดย JPARK เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารพื้นที่จอด
ทั้งนี้ JPARK มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 200 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 290 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 110 ล้านหุ้น เสนอขายต่อบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 82.5 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 16.5 ล้านหุ้น กรรมการและผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทไม่เกิน 11 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 25-27 กันยายน 2566 ในราคาหุ้นละ 3.80 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 418 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,520 ล้านบาท