ก่อนเปิดการซื้อขายหุ้นวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้ออกประกาศด่วน เตือนนักลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เพราะงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลขาดทุนในหลายรายการ
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ ALL ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาสที่ 2 ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปงบ เนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญต่อความสามารถการดำเนินงานต่อเนื่อง และมีผลขาดทุนจากธุรกรรมหลายรายการ โดยขีดเส้นให้บริษัทชี้แจงข้อมูลภายในวันที่ 12 ตุลาคมนี้
ธุรกรรมที่ส่งผลขาดทุนของ ALL ประกอบด้วย การยกเลิกจะซื้อจะขายที่ดินและการด้อยค่าของเงินมัดจำที่ดิน ซึ่งระหว่างปี 2564-2565 มีรายการขาดทุนประมาณ 201 ล้านบาท
การขาดทุนจากการยุติข้อพิพาทผิดสัญญาเงินกู้ยืมจากบุคคลภายนอกจำนวน 1,178 ล้านบาท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทติดลบ 781 ล้านบาท
คดีความที่กรรมการและบริษัทถูกฟ้องร้องทุนทรัพย์ 193 ล้านบาท จากการที่กรรมการบริษัททำสัญญาลงทุนเมื่อปี 2560 ในฐานะบริษัทเพียงผู้เดียว และผิดนัดชำระคืนเงินต้นและเงินผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญารวม 6.60 ล้านเหรียญสิงคโปร์
และข้อพิพาทที่บริษัทร่วมทุนเรียกร้องให้ ALL ปฏิบัติตามสัญญา จำนวน 758 ล้านบาท
คำเตือนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นปัจจัยลบอีกระลอกที่พุ่งเข้าใส่ ALL แต่แทบไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อราคาหุ้น เพราะหุ้น ALL หมดความรู้สึกต่อข่าวร้ายใดๆ แล้ว
ราคาหุ้นลงมากองกับพื้นแล้ว โดยปิดซื้อขายช่วงเช้าวันที่ 28 กันยายน ยังยืนอยู่ที่ 5 สตางค์ ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น ALL ทรุดฮวบตลอด หลังจากมีข่าวผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ และเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์เคยออกประกาศเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุน จากการที่ ALL ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รวม 7 รุ่น วงเงินทั้งสิ้น 2,416 ล้านบาท
ชะตากรรมหุ้น ALL มืดมนเต็มที โดยหุ้นบริษัทถูกประทับเครื่องหมาย C และแม้หุ้นยังซื้อขายอยู่ แต่เป็นไปอย่างเงียบเหงาซึมเซา
ผลประกอบการ ALL ขาดทุนต่อเนื่องหลายปี แต่ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนหนัก โดยมีผลขาดทุนแล้ว 1,653.48 ล้านบาท
และสาเหตุของการขาดทุนที่ถูกผู้สอบบัญชีตั้งข้อสังเกตในหลายรายการโผล่ออกมาในงบการเงินไตรมาสที่ 2 ซึ่งประจานว่า ผู้บริหารบริษัททำอะไรก็เจ๊งหมด ทำให้นักลงทุนที่พลัดหลงเข้าไปซื้อหุ้น ALL พินาศตามไปด้วย โดยไม่อาจกู้ความสูญเสียคืนกลับมาได้
เพราะประเมินจากฐานะทางการเงินและผลดำเนินงานแล้ว บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้คงรอดยาก
การตัดสินใจตัดขาดทุนขายหุ้น ALL ทิ้ง ดูเหมือนสายเกินไปหน่อย แต่จะถือต่อไปก็แทบไม่เห็นอนาคต นักลงทุนที่ติดหุ้นอยู่จึงไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรกับหุ้นตัวนี้
ALL เป็นอีกกรณีศึกษาของการรับบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนแล้ว จึงได้ปรับหลักเกณฑ์การพิจารณารับหุ้นใหม่ให้มีความเข้มข้นขึ้น
เลิกล้มเน้นนโยบายรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณ โดยเฉพาะตลาด MAI และปล่อยให้หุ้นเน่าหลุดเข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน
ALL กำลังปิดฉากสุดท้าย ทิ้งความเสียหายให้ผู้ถือหุ้นกู้จำนวนหลายพันราย และทำให้ผู้ถือหุ้นสามัญจำนวนประมาณ 7,000 รายต้องจบชีวิตไปด้วย