บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ลงนามเงินกู้ 2 สถาบันการเงิน กรอบวงเงิน 5,300 ล้านบาท พร้อมเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 รุ่น ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป อายุระหว่าง 2-4 ปี คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566 นี้ ทริสจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” เผยนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและลุยปล่อยสินเชื่อ ดันพอร์ตเติบโตตามเป้าที่ 20%
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงนามรับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเยอรมนี (DEG - Deutsche Investitions- und Entwicklungsgesellschaft mbH) และ ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) ภายใต้กรอบวงเงิน 5,300 ล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ารายย่อยของบริษัทได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งบริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป หรือที่เรียกว่า Public Offering ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 10 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.25-4.40% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 9 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.75-4.90% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 8 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.85-5.00% ต่อปี
ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 19-20 และ 24 ตุลาคม 2566 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท และหุ้นกู้อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายกิจการของบริษัทที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้
“การสนับสนุนทางการเงินจาก DEG และ SMBC จะส่งผลให้บริษัทสามารถสานต่อการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน สร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมให้เป็นสุข รวมถึงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (SDGs) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยวงเงินทั้งหมดได้ดำเนินการปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Customer Finance)” นายปริทัศน์ กล่าว
สำหรับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ทั้งพักชำระหนี้และเงินดิจิทัล นายปริทัศน์ กล่าวว่า น่าจะช่วยให้ลูกค้าของบริษัทมีสภาพคล่องมากขึ้น โดยนโยบายพักชำระหนี้จะส่งผลดีต่อกลุ่มเปราะบางจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงกลุ่มเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของบริษัท เมื่อได้รับการพักชำระหนี้มีโอกาสจะนำเงินที่ไม่ต้องชำระหนี้มาสร้างผลผลิตและรายได้เพิ่มมากขึ้น ส่วนเงินดิจิทัลจะทำให้ลูกค้าของบริษัทมีเงินเหลือและสามารถนำมาชำระหนี้ได้มากขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บล.เอเซีย พลัส บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.ดาโอ (ประเทศไทย) และ บล.ธนชาต เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้