ราคา NFT ลดลงอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยคอลเลกชันชั้นนำบางคอลเลกชันลดลงมากกว่า 95% จากราคาสูงสุด
เอเยนซี่-สาเหตุของความตกต่ำนี้ยังไม่ชัดเจน แต่อาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ใกล้เข้ามา กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น และความจริงที่ว่า NFT จำนวนมากไม่มีมูลค่าพื้นฐานอีกทั้งไม่มีสินทรัพย์ใดค้ำประกัน
ราคา NFT ลดลง 95%
ข้อมูลจาก CryptoSlam พบว่ามูลค่าตลาดของ NFT ลดลงจาก 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2564 เหลือเพียง 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคม 2566
ขณะที่คอลเลกชันชั้นนำบางคอลเลกชัน ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะตกต่ำนี้ ตัวอย่างเช่น คอลเลกชัน Bored Ape Yacht Club (BAYC) หรือลิงเบื่อ ซึ่งเคยมีมูลค่าสูงสุดถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการปั่นราคาขายในช่วงกระแสร้อนแรง โดยล่าสุดเหลือเพียง 380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา NFT
อย่างไรก็ดีมีปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อราคา NFT ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่:
ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ใกล้เข้ามา: ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงที่จะเสี่ยงกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น NFT
กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น : รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกกำลังพิจารณาที่จะออกกฎระเบียบสำหรับ NFT ซึ่งอาจทำให้ตลาดซบเซาลง
ความจริงที่ว่า NFT จำนวนมากไม่มีมูลค่าพื้นฐาน : NFT จำนวนมากไม่มีมูลค่าพื้นฐาน เช่น ผลงานศิลปะหรือสิทธิพิเศษ สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อ NFT
อนาคตของ NFT
ยังไม่ชัดเจนว่าอนาคตของ NFT จะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญบางคนที่เชื่อว่า NFT อาจกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อตลาดฟื้นตัวแต่ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไรเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า NFT มีศักยภาพที่จะปฏิวัติหลายอุตสาหกรรม เช่น งานศิลปะ ดนตรี และเกม NFT นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นตั๋วหรือใบรับรองพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า NFT เป็นเพียงฟองสบู่ที่กำลังจะแตก พวกเขาเชื่อว่า NFT ไม่มีมูลค่าพื้นฐานและจะไม่สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว