ตลท. เผยวอลุ่มตลาดบางช่วงนี้จากฟันด์โฟลว์ไหลออก เหตุกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และภาวะดอกเบี้ยสูง หนุนนักลงทุนโยกเงินหาสินทรัพย์ที่อิงดอกเบี้ยมากกว่า ด้านโบรกฯ คาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,535-1,545 จุด บรรยากาศการลงทุนยังไปในทางลบ หลัง Bond Yield สหรัฐฯ ยังขยับสูงขึ้น กังวล FED เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ด้าน SET Index เปิดวันแรกของสัปดาห์ร่วง 14.46 จุด
ตลาดหุ้นวานนี้ (18 ก.ย.) เปิดทำการวันแรกของสัปดาห์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดการซื้อขาย และระหว่างวันลดลงไปต่ำสุดที่ 1,525.47 จุด ก่อนจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาปิดที่ 1,527.57 จุด ลดลง 14.46 จุด หรือ 0.94% มูลค่าการซื้อขาย 4.25 หมื่นล้านบาท
ตลท. ระบุต่างชาติขายกังวล ศก.จีน-ดอกเบี้ยทรงตัวสูง ฉุดวอลุุ่มหด
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เนื่องจากยังห่วงเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศจีนที่ชะลอตัว เนื่องจากจีนเป็นสำคัญในการตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ก.ย.66 เป็นต้นมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 12,342 ล้านบาท
ส่วนมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นที่เบาบางลง เป็นเพราะภาวะดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเมื่อมีการขึ้นดอกเบี้ยผู้ลงทุนอาจมีการโยกเงินลงทุนไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้แทน
"ปัญหาความไม่ชัดเจนของปัจจัยการลงทุนหลายอย่าง เช่น ภาวะเศรษฐกิจจีนอาจให้ผู้ลงทุนชะลอการลงทุนออกไป อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่ตลาดหุ้นไทยประเทศเดียว" รองผู้จัดการ ตลท. กล่าว
สำหรับการดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ตลท.จะเน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อที่ผู้ลงทุนจะได้ใช้คาดหมายหรือวางแผนการลงทุนได้ถูก ซึ่งถือเป็นบทบาทหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว เนื่องจากในช่วงที่ตลาดปรับตัวร้อนแรงต้องให้สติแก่ผู้ลงทุน ขณะที่ในช่วงตลาดผันผวนรุนแรงคงต้องให้ข้อมูลผู้ลงทุนเช่นกันเพื่อไม่ให้ตื่นตระหนก รวมถึงเน้นให้มีการลงทุนระยะยาวและประเมินข้อมูลในเชิงลึกในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม
ฟินันเซียฯ คาด Index แกว่งกรอบ 1,535-1,545 จุด
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ คาด SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,535-1,545 จุด บรรยากาศการลงทุนค่อนไปในทางลบหลัง Bond Yield สหรัฐฯ ยังขยับสูงขึ้น กังวล FED ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง หลังเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแกร่ง กลุ่มเทคโนโลยีคาดถูกกดดันจากประเด็น TSMC ขอ Vendor ชะลอจัดส่งอุปกรณ์ผลิตชิประดับ Hi-End ทำให้ตลาดกังวลทิศทาง Demand ในอนาคต
อย่างไรก็ดี กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำคาดยังประคองตลาดหลังราคาน้ำมันดิบยังยืนในระดับสูง โดย Brent ยังอยู่ที่ระดับ US$94 ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ตลาดจับตาสัปดาห์นี้คือการประชุม FED คืนวันพุธ ซึ่งคาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% แต่ที่ต้องติดตามคือมุมมองต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะถัดไปว่าชะลอตัวลงได้ตามที่ FED คาดหวังหรือไม่
ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ครม.ใหม่ โดยเฉพาะความชัดเจนของแหล่งเงิน ส่วนแนวโน้ม GDP คาดว่าจะทยอยเร่งขึ้นใน 4Q23-2024 ทำให้เรายังคงชอบกลุ่ม Domestic Play ได้แก่ ค้าปลีก อาหารเครื่องดื่ม ธนาคาร การแพทย์ ส่วนระยะสั้นเราคาดหุ้นที่คาดมีกำไร 3Q23 เติบโตดีทั้ง q-q และ y-y คาดว่าจะเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาด