xs
xsm
sm
md
lg

'มอนท์เอซัวร์' มั่นใจภูเก็ตบูม ลุยมิกซ์ยูสสุดไฮเอนด์ ผนึกโบทานิก้าพัฒนาวิลล่าบนหาดกมลาแพงสุด 170 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยบวกจากการเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว และทำเลสำหรับบ้านพักตากอากาศ หรือบ้านหลังที่สองทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ทำให้เวลานี้ภูเก็ตคือจังหวัดที่เนื้อหอมที่สุด

มอนท์เอซัวร์ (Mont Azure) คืออีกหนึ่งหลักฐานสำคัญที่ยืนยันความน่าสนใจของภูเก็ตทั้งการเป็นเมืองตากอากาศ และเมืองท่องเที่ยว เมื่อเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหารมอนท์เอซัวร์ เปิดเผยโครงการมิกซ์ยูสระดับซูเปอร์ไฮเอนด์บนชายหาดกมลา บนพื้นที่กว่า 450 ไร่ และมีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท

“มาสเตอร์แพลนทั้งหมดมีพื้นที่ 454 ไร่ ซื้อไว้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว จากนั้นจึงเริ่มพัฒนาโครงการ” เศรษฐพล บุตรโท เล่าที่มา

เบื้องหลังจุดเริ่มต้นของที่ดินแปลงใหญ่นี้เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตรนักลงทุนและผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเอเชียทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ The Narai Group (จากประเทศไทย) ARCH Capital (จากฮ่องกง) และ Philean Capital (จากสิงคโปร์) ในเครือ Pontiac Land Group ซึ่งร่วมกันพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสซูเปอร์ไฮเอนด์ที่ประกอบไปด้วยแบรนด์เรสซิเดนซ์หรู โรงแรมระดับ 5 ดาว วิลล่าหรู รีเทล บีชคลับระดับเวิลด์คลาส เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าและนักลงทุนที่กำลังมองหาโครงการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ รวมไปถึงการลงทุนที่คุ้มค่า ที่เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายเต็มรูปแบบบนชายหาดกมลา

นายเศรษฐพล บุตรโท กรรมการบริหารมอนท์เอซัวร์ (ขวา) และนายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหารโบทานิก้า
“แนวทางการพัฒนาธุรกิจของเราสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของการท่องเที่ยวและตลาดการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของภูเก็ต เรายังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ของการสร้างประสบการณ์และพัฒนาโครงการระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ริมชายหาดที่ยากจะหาใครเทียบ ด้วยทำเลเลียบชายหาดกมลาในกลางเกาะภูเก็ต มอนท์เอซัวร์ได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของโครงการมิกซ์ยูสสุดหรูที่สมบูรณ์แบบ โดยเรายังเดินหน้าสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริทรัพย์ที่มีคุณภาพในอาณาจักรมอนท์เอซัวร์แห่งนี้ต่อไป”

นอกจากโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง Intercontinental ที่อยู่บนที่ดินแปลงนี้แล้ว ยังมีโครงการ Twinpalms Residences MontAzure รีสอร์ตและที่พักอาศัยระดับ 5 ดาวบนหาดกมลา ซึ่งเป็นห้องชุดแบบ 1 และ 2 ห้องนอน รวม 73 ยูนิต ขายไปแล้ว 72 ยูนิต เหลืออีกเพียง 1 ยูนิตที่ยังรอให้นักลงทุนที่สนใจครอบครองกรรมสิทธิ์ที่มาพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว

จุดเด่นที่มีพื้นที่หน้าหาดยาวถึง 100 เมตร น่าจะมีส่วนทำให้ Twimpalms Residences ได้รับความสนใจอย่างมากและขายได้เกือบ 100%

อีกหนึ่งโครงการที่ เศรษฐพล เลือกให้เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญบนที่ดินแปลงใหญ่ เพื่อทำให้โครงการมิกซ์ยูสสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นคือ Mgallery Residences MontAzure บนเนื้อที่ 21 ไร่

“โครงการนี้จะไม่มีส่วนใดติดกับชายหาดกมลาเลย แต่ทุกห้องจะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างแน่นอน จากรูปแบบการวางโครงสร้างอาคารที่เราออกแบบไว้ Mgallery จะมีจำนวนกว่า 200 ยูนิต ปัจจุบันขายไปแล้วประมาณ 50% ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นชาวต่างชาติเช่นเดิม โดยชาติที่มาเป็นลูกค้าอันดับหนึ่งคือ รัสเซีย นอกนั้นคือ ยุโรป ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย มีกำหนดส่งมอบโครงการในปลายปี 2567” เศรษฐพล เพิ่มเติม

ที่พักอาศัยในโครงการ Mgallery มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.8-2 แสนบาทต่อตารางเมตร ขนาดห้องเริ่มต้นอยู่ที่ 47 ตารางเมตร


และล่าสุด มอนท์เอซัวร์ ได้จับมือกับพันธมิตรที่เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเกาะภูเก็ต นั่นคือ บริษัท โบทานิก้า ลักเซอรี่ ภูเก็ต จำกัด ในการพัฒนาโครงการวิลล่าสุดหรูจำนวน 36 ยูนิต ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 49-170 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมกว่า 2.6 พันล้านบาท

“เรามองเห็นศักยภาพที่จะเกิดขึ้นกับโครงการนี้ และการร่วมมือกับมอนท์เอซัวร์ เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ว่าพื้นที่ตั้งของโครงนี้ไม่ได้อยู่ริมหาด แต่อยู่ห่างจากชายหาดกมลาเพียง 400 เมตรเท่านั้น ซึ่งด้านหน้าที่จะพัฒนาโครงการโบทานิก้า มอนท์เอซัวร์ ให้มีความโดดเด่น การจะสามารถมองเห็นวิวทะเล และด้านหลังเห็นวิวภูเขา เราตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการนี้ให้เป็นโครงการระดับแฟลกชิปของโบทานิก้าที่ทุกคนต้องกล่าวขวัญถึงอย่างแน่นอน” อรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักเซอรี่ จำกัด กล่าว

โครงการโบทานิก้า มอนท์เอซัวร์ เตรียมเปิดห้องตัวอย่างให้ผู้สนใจเข้าชมในช่วงปี 2024 และจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี อีกทั้งยังมั่นใจว่าจะปิดโครงการได้ภายในเวลา 2 ปี

ความมั่นใจของอรรถสิทธิ์นี้ น่าจะมาจากความน่าเชื่อถือของโบทานิก้าที่สั่งสมประสบการณ์การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบลักชัวรีในลักษณะนี้มากว่า 20 ปี ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนหาดบางเทา และ 95% เป็นลูกค้าต่างชาติ

ในอดีต หาดกมลาไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการ หรือนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยปัจจัยแวดล้อมของพื้นที่ในจังหวัดภูเก็ต ทั้งความหนาแน่นตามชายหาดหลักที่มักจะได้รับความนิยม เช่น หาดป่าตอง หาดกะตะ หาดกะรน อาจจะไม่สามารถพัฒนาได้ หรือพื้นที่ที่เหลือยากต่อการพัฒนาด้วยข้อกำหนดทางกฎหมายต่างๆ

ส่งผลให้หาดกมลากลายเป็นทำเลเนื้อหอม เมื่อพิจารณาจากราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2023 ราคาที่ดินชายทะเลในจังหวัดภูเก็ตปรับสูงขึ้นถึงไร่ละ 70 ล้านบาท ในขณะที่ทำเลอื่นๆ มีมูลค่าประมาณ 30-40 ล้านบาท

หากจะกล่าวว่าสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา แม้ภูเก็ตจะได้รับผลกระทบจากการปิดเมือง รายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งเดียวมีค่าเท่ากับศูนย์ ทว่า ราคาที่ดินกลับเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าเมืองจะเงียบเหงาไปในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ทำให้ราคาที่ดินถูกปรับลดลงแต่อย่างใด


และอีกหนึ่งมูลเหตุสำคัญ คือ ภูเก็ตยังคงเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติที่มองหาบ้านหลังที่สอง เพื่อพักผ่อน หรือหนีภัยสงครามในกลุ่มลูกค้าชาวรัสเซีย ที่ยังคงหมายตาไข่มูกแห่งอันดามันนี้ให้เป็นหมุดหมายสำคัญ นอกจากนี้ทะเลอันดามันยังขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม

ขณะที่ชาวจีนที่นิยมซื้อที่อยู่อาศัยในไทยน่าจะมีสาเหตุมาจากข้อกำหนดในการถือครองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์จีน แม้ว่าจะชาวจีนจะซื้อแล้วแต่ไม่มีสิทธิในทรัพย์นั้นๆ ทำให้ชาวจีนบางส่วนมักนิยมซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ

แต่เศรษฐกิจจีนในปัจจุบันยังอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังในหลายมิติโดยเฉพาะด้านการเงิน รัฐบาลจีนเคยประกาศใช้มาตรการควบคุมเงินทุนไหลออก โดยห้ามชาวจีนเบิกถอนเงินสดจากเครื่อง ATM นอกประเทศเกินวงเงิน 100,000 หยวน หรือประมาณ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อเป็นการปกป้องเงินฝากในประเทศที่มีมากถึง 22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นั้นทำให้ในห้วงเวลาหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด ชาวจีนยังไม่สามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เช่นที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า

และที่ชัดเจนคือเศรษฐกิจจีนตอนนี้ที่ยังดูไม่สดใส และจีนยังประกาศมาตรการเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น โดยหวังให้ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น กระนั้นความไม่มั่นใจในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของจีน กลับทำให้ชาวจีนเลือกที่จะเก็บออมเงินไว้แทนที่จะใช้จ่ายในวงจรเศรษฐกิจ

ภายหลังจากไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนหนึ่งมองว่า “นโยบายที่นายกฯ ประกาศทำให้รู้สึกมีความหวังมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอุตสาหกรรม อสังหาฯ และการท่องเที่ยว แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเพราะการเป็นอดีตผู้บริหารของค่ายอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ น่าจะช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรคของผู้ประกอบการอยู่ไม่น้อย รวมถึงนโยบายฟรีวีซ่า อาจจะช่วยให้ชาวจีนกลับมาท่องเที่ยวมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่สามารถซื้ออสังหาฯ ในไทยได้เช่นเดิม จากข้อกำหนดของรัฐบาลจีนเองก็ตาม” อรรถสิทธิ์ สรุป

หากสถานการณ์การเมือง และเศรษฐกิจไทยแข็งแรง มีเสถียรภาพ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจให้แก่นักลงทุน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติยังคงตอบรับเป็นอย่างดีกับโครงการที่กำลังเกิดขึ้นในอนาคตของมอนท์เอซัวร์ เราคงได้เห็นอาณาจักรซูเปอร์ไฮเอนด์มิกซ์ยูสแห่งนี้เป็นแฟลกชิปใหม่บนหาดกมลาในไม่ช้า