xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กศุภาลัยหวัง ศก.ดี ประชาชนมีรายได้หนุนซื้อที่อยู่อาศัย พร้อมเปิดตัว “โบว์-เมลดา สุศรี” พรีเซ็นเตอร์คนแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ประทีป ตั้งมติธรรม" มองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมประชาชนทุกๆ ระดับชั้นมีรายได้ หนุนเรื่องการมีบ้าน โชว์แกร่ง 3 ทศวรรษ สร้างมาแล้วกว่า 300 โครงการทั่วไทย ด้าน "ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม" ชี้ขึ้นค่าแรงอาจมีผลต่อราคาบ้าน แต่มั่นใจถ้าเศรษฐกิจ เงินในกระเป๋าประชาชนมีเยอะ ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจได้ พร้อมเปิดตัว “โบว์-เมลดา สุศรี” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัยฯ

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงปัจจัยที่มีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ว่า เราขอให้เศรษฐกิจดี ขอให้ประชาชนทุกระดับชั้นดีขึ้น จะทำให้ทุกอย่างดี เช่น กลุ่มที่มีรายได้ประจำ เจ้าของกิจการสามารถขายสินค้าได้ดี เมื่อทุกคนมีรายได้จะคิดเปลี่ยนบ้าน กระตุ้นภาพรวมได้ดีขึ้น

ซึ่งที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการในหัวเมืองจังหวัดต่างๆ นอกเหนือจากกรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นในหัวเมืองภูมิภาค 2 จังหวัด ได้แก่ สงขลา และขอนแก่น หลังจากนั้นกระจายการลงทุนไปยังจังหวัดอื่นๆ มายาวนานกว่า 34 ปี พัฒนาโครงการครอบคลุมกว่า 28 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) ซึ่งพัฒนาโครงการในหัวเมืองภูมิภาคไปแล้วรวมทั้งหมด 161 โครงการ หรือประมาณ 36,000 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 118,000 ล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งปีแรกของ 2566 โครงการภูมิภาคของศุภาลัยสามารถกวาดยอดขาย 7,784 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 9% โดยแบ่งเป็นยอดขายกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม 570 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 72% และโครงการแนวราบ 7,214 ล้านบาท ที่เติบโตขึ้น 6% หรือคิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่มาจากตลาดภูมิภาคเท่ากับ 45% โดยจังหวัดที่ขายดีในอันดับต้นๆ คือ ภูเก็ต ชลบุรี สงขลา ระยอง และเชียงใหม่ พร้อมลุยเต็มกำลังตามแผนพัฒนาโครงการ 5 จังหวัดใหม่ภายในปี 2566 ได้แก่ ลำพูน ลำปาง นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายจังหวัดที่จัดซื้อที่ดินแล้วแต่ยังไม่ได้พัฒนาโครงการ ซึ่งจะทำให้ศุภาลัยมีโครงการครอบคลุมกว่า 31 จังหวัดภายใน 2 ปีข้างหน้านี้

ประทีป ตั้งมติธรรม
"กว่า 3 ทศวรรษ ศุภาลัยลงทุนมาตลอดกว่า 300 โครงการทั่วประเทศ และด้วย Economy of Scale ทำให้เราสามารถซื้อสินค้าได้จำนวนมาก พัฒนาโครงการได้ทุกจังหวัด อย่างน้อย 3-10 โครงการในแต่ละจังหวัด ตลอดจนยังมีการขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างออสเตรเลียมาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปี รวม 12 โครงการ เงินลงทุน 10,000 ล้านบาท"

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัยฯ กล่าวถึงแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงว่า ถ้ามันทำให้เศรษฐกิจไปได้ กำลังทรัพย์ของลูกค้าในอนาคตดีขึ้นด้วยเช่นกัน เราพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ค่าแรงมีความสัมพันธ์กับราคาบ้านที่จะขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจดีขึ้น เงินในกระเป๋าของลูกค้าโดยรวมมีมากขึ้นไม่มีปัญหาใดๆ ถ้าการปรับขึ้นค่าแรงส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจอย่างแท้จริง

"ทุกคนตอนนี้ยินดีกับรัฐบาลใหม่ที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จากก่อนหน้ายังไม่มีความแน่นอน ลูกค้าเฝ้ารอระวังในแง่ที่รัฐบาลยังไม่ชัดเจน ลูกค้าเยี่ยมชมโครงการปรับลดลงเช่นกัน แต่ตอนนี้ดีขึ้น ซึ่งในครึ่งปีหลังเราอยากเห็นกำลังซื้อของลูกค้ากลับมาดีขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องการเมืองไม่น่ากังวล การเมืองนิ่งแล้ว"

เปิดตัว “โบว์-เมลดา สุศรี” พรีเซ็นเตอร์คนแรก
คอนโดฯ เริ่มกลับมา กลุ่ม 3-5 ล้านบาทไปได้

กรรมการผู้จัดการ กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมว่า เริ่มกลับมาแล้วโดยอาจไม่ต้องอิงกับตลาดต่างชาติมากนัก ขณะที่กำลังซื้อในประเทศยังเติบโตได้ โดยกลุ่มลูกค้ากลางถึงระดับล่างยังเป็นตลาดที่น่าสนใจ ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท หรือราคาขายต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ตั้งแต่ 70,000 บาท ไปจนไม่เกิน 100,000 บาท แต่หากเป็นคอนโดฯราคาระดับ 2.5 ล้านบาทลงมา อาจจะติดปัญหาในเรื่องการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ตัวเลขการถูกปฎิเสธสินเชื่อ (รีเจกต์เรต) จะมีอัตราที่สูง อันได้รับปัจจัยกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น มาตรการเรื่อง Loan to Value หรือ LTV ทั้งนี้สถานการณ์ตัวเลขรีเจกต์เรตของศุภาลัยในปีนี้คาดมีไม่มากไม่เกิน 12% ใกล้เคียงกับปี 2565

"จากจุดนี้เรามองว่าตลาดคอนโดฯ ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดว่าในปี 2567 จะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดฯ มากขึ้น จากปี 2566 ที่เปิดการขาย 3 โครงการ ตัวเลขเปิดคอนโดฯ จะเท่าไหร่ ยังตอบไม่ได้ แต่คงไม่เซอร์ไพรส์ และจากนี้สัดส่วนยอดขายคอนโดฯ จะเพิ่มมากขึ้น จากก่อนหน้านี้อยู่ประมาณร้อยละ 25-30 และสัดส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบร้อยละ 65-70 และในระยะข้างหน้าทั้ง 2 ตลาดจะมีสัดส่วนที่ร้อยละ 50:50 โดยสัดส่วนดังกล่าวมีนัยต่อศุภาลัย ในเรื่องการตัดสินใจลงทุนที่ไหนดี จากก่อนหน้านี้ การลงทุนคอนโดฯ มีความกังวลจะเกิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายหรือไม่ ต่างชาติจะเข้ามาซื้อหรือไม่ เนื่องจากเรามีเรื่องภาวะโควิด ส่งผลให้ปัจจุบัน ศุภาลัยมาโตเรื่องของตลาดแนวราบ" นายไตรเตชะกล่าว

สำหรับภาพรวมยอดขายในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-สิงหาคม) คงจะสามารถพูดตัวเลข 6 เดือนแรกที่สามารถทำได้ถึง 18,000 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม ยอดเข้าชมโครงการของลูกค้าลดน้อยลงบ้าง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย ทั้งนี้ตนมั่นใจทั้งปีจะทำได้ตามเป้าที่ 36,000 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 4 จะมีการเปิดโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงเพิ่มเติม ส่งผลให้เปิดโครงการรวมทั้งปีได้ตามเป้าที่ 37 โครงการ มูลค่าสูงถึง 41,000 ล้านบาท


“โบว์-เมลดา สุศรี” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัย

ทั้งนี้ นายไตรเตชะ กล่าวว่า การดึง “โบว์-เมลดา สุศรี” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของศุภาลัย ถือเป็นกลยุทธ์ครั้งสำคัญของแบรนด์ เพื่อย้ำถึงจุดยืน ‘Standard ดี Quality เดียวกัน’ โดย โบว์-เมลดา ไม่เพียงเป็นที่รู้จักและเข้าถึงคนไทยทุกเจเนอเรชันทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังมีตัวตนที่สะท้อนความเป็นกันเอง และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสื่อถึงความเป็นแบรนด์ศุภาลัยได้อย่างเหมาะสมมากที่สุดในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจทุกความแตกต่าง หลากหลาย และเข้าถึงใจคนไทยทั่วประเทศ

โดย 5 จุดแข็งที่ศุภาลัยยึดมั่นเพื่อเสริมแกร่งบ้านศุภาลัยว่า “ศุภาลัยยึดมั่นมาตลอดว่ามาตรฐานของบ้านที่ดี ส่งผลต่อการใช้ชีวิตที่ดีเช่นเดียวกัน โดยเราตั้งมั่นเป็นผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่คิดจากชีวิตจริง ผ่านการชู 5 มาตรฐาน เริ่มต้นจากมาตรฐานการออกแบบบ้านที่จัดพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว รวมถึงเน้นโครงสร้างบ้านให้อากาศถ่ายเทและมีลมโกรก สะท้อนการออกแบบบนพื้นฐานการเข้าใจชีวิตจริงของคนไทย นอกจากนี้ มาตรฐานการก่อสร้างที่ดีถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราใส่ใจต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งทุกโครงการได้รับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 : 2015 ซึ่งออกแบบถูกต้องตามกฎหมาย และมาตรฐานวิชาชีพ พร้อมทั้งใช้วัสดุต่างๆ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) เน้นการออกแบบเป็นบ้านประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยลดค่าไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัย

พร้อมกันนี้ ศุภาลัยยังให้ความมั่นใจในด้านมาตรฐานการบริการหลังการขายที่ไม่ทอดทิ้งลูกบ้านตลอดการอยู่อาศัยที่ติดต่อได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งปัญหาและการซ่อมต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน SABAI ติดต่อขอคำปรึกษาผ่าน LINE OA “SUPALAI CARE” ให้ลูกบ้านรวมถึงบุคคลทั่วไป สามารถขอคำแนะนำเรื่องการซ่อมแซม การดูแลบำรุงรักษาบ้านและคอนโดฯ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย หรืออื่นๆ เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวคอยดูแล 24 ชั่วโมง พร้อมช่องทางหลัก Contact Center 1720 คอยรับเรื่องแจ้งซ่อม แจ้งปัญหา และให้คำแนะนำเรื่องที่อยู่อาศัยแก่ลูกบ้านที่อยู่ในระยะประกัน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรฐานการดูแลจากบุคลากรจริงในพื้นที่ ที่ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใด สามารถดูแลด้วยความเข้าใจและเข้าถึงลูกบ้านในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ มาตรฐานความปลอดภัย โดยศุภาลัยมอบความอุ่นใจให้ลูกบ้านทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สามารถให้ความช่วยเหลือและดูแลตลอด 24  ชั่วโมง”
กำลังโหลดความคิดเห็น