หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -3.11 จุด แกว่งแคบตามตลาดภูมิภาค แม้มีแรงซื้อเข้าจากประเด็นที่ ECB ส่งสัญญาณยุติขึ้นดอกเบี้ย แต่มีแรงขาย CRC สลับออกมาถ่วงตลาด มองกรอบสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,540 จุด แนวต้านที่ 1,550-1,555 จุด แนะจับตามีการประชุมธนาคารกลางประเทศสำคัญ 3 แห่ง คือ เฟด BOJ, BoE ส่งผลต่อปัจจัยการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 15 กันยายน 2566 ปรับตัวลดลง -3.11 จุด หรือ -0.20% โดยปิดตลาดที่ 1,542.03 จุด มูลค่าซื้อขาย 52,066.56 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวในกรอบแคบๆ สลับขึ้นลงทั้งแดนบวกและลบ โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,551.01 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,541.58 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 204 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 188 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 247 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,935.41 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +334.98 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +1,300.72 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +299.71 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.CRC มูลค่าการซื้อขาย 2,370.35 ล้านบาท ปิดที่ 39.25 บาท ลดลง 1.75 บาท
2.COCOCO มูลค่าการซื้อขาย 2,322.18 ล้านบาท ปิดที่ 9.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.35 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,305.33 ล้านบาท ปิดที่ 167.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,785.01 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,496.19 ล้านบาท ปิดที่ 35.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCGP ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.63%
2. BCP ปิดที่40.75บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.52%
3.JMT ปิดที่ 46.75บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.19%
4.TCAP ปิดที่50.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.04%
5.ADVANC ปิดที่222.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.45%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่258.00บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 1.15%
2.CRC ปิดที่ 39.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 4.27%
3.TQM ปิดที่31.50 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.33%
4.MTC ปิดที่ 40.00 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 1.84%
5.COM7 ปิดที่ 30.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.60%
ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,107.43 จุด ลดลง -2.75 จุด หรือ -0.13% ดัชนี SET50 ปิดที่ 946.02 จุด ลดลง -1.33 จุด หรือ -0.14% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 475.30 จุด เพิ่มขึ้น 1.93 จุด หรือ 0.41%
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบตามทิศทางตลาดภูมิภาค หลังธนาคารกลางยูโร (ECB) ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย ยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นและทำนิวไฮในรอบปี ขณะเดียวกัน มีแรงขายหุ้น CRC ถ่วงตลาดหลังจากบริษัทรุกธุรกิจค้าส่งที่จะไม่ทำกำไรได้ในช่วง 3 ปีจะถ่วงกำไรของบริษัท
นอกจากนี้ วันนี้ FTSE Rebalance Index โดยหุ้นไทยได้ปรับน้ำหนักขึ้นคาดว่าน่าจะมีเม็ดเงินเข้าตลาดประมาณ 70 ล้านดอลลาร์ในเย็นวันนี้ โดยครั้งนี้ FTSE Large Caps หุ้นเข้า คือ TRUE หุ้นออก คือ AWC, GPSC ส่วน FTSE Mid Caps มีหุ้นออกคือ STGT, TRUE และ FTSE Small Caps มีหุ้นเช้าคือ STGT และหุ้นออก คือ VIBHA
"แนวโน้มการลงทุนสัปดาห์หน้าควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน เพราะจะมีการประชุมธนาคารกลางสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 19-20 ก.ย. การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันที่ 22 ก.ย."
ทั้งนี้ มองว่าการประชุมเฟดครั้งนี้น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย แต่ต้องติดตามว่าจะส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยอย่างไรให้ติดตาม dot plot ส่วน BOJ จะส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ หากเป็นไปตามนั้นจะส่งให้ตลาดหุ้นเสี่ยง ค่าเงินเย็นกลับมาแข็งเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ ควรให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้าว่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติม หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่หลายแห่ง และให้ความเห็นว่าจะไม่เก็บภาษีซื้อขายหุ้น โดยมองกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,540 จุด และแนวต้านที่ 1,550-1,555 จุด