xs
xsm
sm
md
lg

GFC เปิดเทรดวันแรกพุ่ง 52.86%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ เทรดวันแรกคึกคัก ราคาเปิดซื้อขายวันแรกที่ระดับ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 3.70 บาท หรือ 52.86% จากราคาไอพีโอที่ 7 บาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ จากจุดเด่นการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากรายแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งเดินเกมรุกขยายสาขาเพิ่ม 

บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “GFC” เข้าซื้อขายตลาดหลักทรัพย์ mai หมวดธุรกิจบริการเป็นวันแรก เปิดที่ระดับราคา 10.70 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 3.70 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 52.86% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7 บาท

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินว่า GFC เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มีศักยภาพ มีโครงสร้างรายได้ที่มั่นคง และฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ทั้งนี้ หัวใจสำคัญของ GFC คือการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากที่ครอบคลุมทุกมิติ เพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจเฉพาะทาง จึงจำเป็นต้องมีทีมแพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ ที่มีความรู้ความชำนาญการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ โดยกลุ่มบริษัทเริ่มมีการนำเทคโนโลยี Early Embryo Viability Assessment (EEVA) ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ ระบบ AI มาช่วยในการประเมินคุณภาพของตัวอ่อนเป็นที่แรกในประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าสูงสุด และยังส่งผลต่อการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการมีบุตรให้มากที่สุด จึงทำให้กลุ่มบริษัทเป็นที่ยอมรับ และได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐาน และความสำเร็จในการให้บริการ

“GFC มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรเพื่อยกระดับเป็นผู้นำด้านการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พร้อมด้วยนักเทคนิคการแพทย์ และนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน โดยกลุ่มบริษัทมีนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการด้านการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้รับรองการเป็นนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนจากสมาคมนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนไทย และด้าน CLINICAL EMBRYOLOGY CERTIFICATION จากสมาคมด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแห่งยุโรป (ESHRE: European Society of Human Reproduction and Embryology) ซึ่งในปัจจุบันนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีนักวิทยาศาสตร์ที่สอบผ่านการรับรอง ESHRE จำนวน 2 ราย ในขณะที่ประเทศไทยมีเพียง 53 ราย”

จากสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงาน GFC ที่มีอัตราการเติบโตของรายได้โตเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 13.37% โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการในปี 2563-2565 และงวด 6 เดือนปี 2566 เท่ากับ 214.42 ล้านบาท 242.12 ล้านบาท และ 275.91 ล้านบาท และ 166.95 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ มาจากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI เป็นรายได้หลัก ขณะที่กำไรสุทธิ ปี 2563-2565 และงวด 6 เดือนปี 2566 เท่ากับ 66.55 ล้านบาท 69.63 ล้านบาท 65.68 ล้านบาท และ 34.33 ล้านบาท ตามลำดับ อีกทั้งอัตราส่วน ROE และอัตราส่วน ROA สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 72.29%

อย่างไรก็ตาม ด้วยศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า GFC เป็นหุ้นที่น่าลงทุน และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่ GFC ขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง ยิ่งเป็นการสร้าง New S-Curve ให้บริษัทฯ ในอนาคต ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น GFC จะเป็นหุ้นที่มีคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย ซึ่งจัดอยู่ในประเภทหุ้น Growth Stock ที่สามารถสร้างผลตอบแทน และสร้างการเติบโตให้บริษัทฯอย่างมั่นคงและยั่งยืน


กำลังโหลดความคิดเห็น