เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ พร้อมเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 13 ก.ย.นี้ มั่นใจไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ระบุจ่อนำเม็ดเงินจากการระดมทุนสร้าง New S Curve สู่การเติบโตในอนาคต เตรียมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GFC เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้น GFC เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หมวดธุรกิจบริการ ในวันที่ 13 กันยายนนี้ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยาก ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ทันสมัยแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับเม็ดเงินระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปขยายการลงทุนโครงการคลินิกสาขาสุวรรณภูมิ-พระราม 9 เพื่อเพิ่มศักยภาพและยกระดับการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตัวสำหรับรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติในอนาคต โดยบริษัทฯ พร้อมขับเคลื่อนองค์กร ให้สอดรับกับวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่มีความมั่นคง ยั่งยืน และยึดมั่นในหลักจริยธรรม พร้อมทั้งเชื่อว่าคลินิกดังกล่าวจะเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญของกรุงเทพฯ สำหรับการให้บริการทางการแพทย์ผู้มีบุตรยาก
นอกจากนี้ ยังลงทุนในโครงการคลินิกสาขาอุบลราชธานี เพื่อขยายฐานการให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยากไปยังกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแผนการขยายการลงทุนดังกล่าวถือเป็นยุทธ์ศาสตร์การกระจายความเสี่ยงของรายได้ที่ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็น New S Curve ที่จะสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ ในอนาคต
จากปัจจัยดังกล่าวสะท้อนถึงความตั้งใจของคณะผู้บริหาร ทีมแพทย์ ทีมนักเทคนิคการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการมีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และพนักงานทุกคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของครอบครัวที่เข้ารับการรักษาผู้มีบุตรยาก ภายใต้การมุ่งมั่นในการเติมเต็มความฝันของทุกครอบครัวให้เป็นจริง เนื่องจากกลุ่มบริษัท GFC ให้บริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ผ่าน 5 กลุ่มการให้บริการ ได้แก่ 1.การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา 2.การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI 3.การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI 4.การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (NGS) และ 5.การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่ ซึ่งตอบโจทย์ทุกการให้บริการ
ดังนั้นการระดมทุนในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากครอบคลุมทุกมิติมากยิ่งขึ้น และเพิ่มศักยภาพสถานะทางการเงิน ของ GFC ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเตรียมก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียนที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินว่า มั่นใจว่าหุ้น GFC จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายหลังเข้าระดมทุน และด้วยจุดแข็งของ GFC ในการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจรักษาผู้มีบุตรยากแบบเฉพาะทางรายแรก ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว GFC ยังเป็นศูนย์รวมแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีชั้นนำด้านการเจริญพันธุ์ เพื่อผู้หญิงยุคใหม่ และคู่สมรสที่อยากมีบุตรที่สมบูรณ์ แข็งแรง มาเติมเต็มความสุขของครอบครัวจากแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวชและเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่มีประสบการณ์ด้านการให้บริการทางการแพทย์ผู้มีปัญหามีบุตรยากมากกว่า 23 ปี โดยพิสูจน์จากอัตราความสำเร็จ (Success Rate) ที่ GFC มีเป็นเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จในการรักษาการตั้งครรภ์สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึง 72.29%
“เชื่อมั่นว่าหุ้น GFC จะเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่สร้างอัตราผลตอบแทนที่น่าจับตามองอย่างต่อเนื่อง โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ที่สำคัญบริษัทฯ มีเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจที่โดดเด่น และในอนาคตไกลจากแผนขยายการลงทุนที่ชัดเจน รวมถึงเป็นธุรกิจเงินสด ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ดังนั้นจึงสะท้อนให้เห็นโอกาสและศักยภาพในการเข้าลงทุนในหุ้น GFC”