นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาวิชาการ ประจำปี 2566 ของสำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) โดยได้ฉายภาพเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยว แม้ว่า GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 66 ออกมาต่ำกว่าคาดจากอุปสงค์ต่างประเทศเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ธปท. จะเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่ในเดือน ก.ย.66 โดยคาดว่าจะปรับลดลง เนื่องจากภาคการผลิต และการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดจากการชะลอของเศรษฐกิจจีน และ Global Electronic Cycle ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวภาพรวมยังเพิ่มขึ้นได้ตามคาด แม้นักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ดี คาดว่าอุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน รายได้ และการจ้างงานนอกภาคเกษตรล่าสุดเดือน ก.ค.66 ยังอยู่ในทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวถึงทิศทางนโยบายการเงินว่า ขณะนี้มาถึงจุดเปลี่ยนจากการดูแลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างไม่สะดุด (Smooth take off) มาเป็นมุ่งเน้นดูแลเศรษฐกิจโดยรวมให้สอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อ (กรอบ 1-3%) และศักยภาพเศรษฐกิจในระยะยาว (GDP โตระดับ 3-4%) ซึ่งมองว่ามีแนวโน้มเข้าใกล้จุดสมดุล (neutral) แล้ว
* ศก.อีสานฟื้นช้ากว่าทุกภาค จากปัจจัยกดดันเรื่องภัยแล้ง
สำหรับเศรษฐกิจภาคอีสานนั้น นายเศรษฐพุฒิ มองว่า ยังฟื้นตัวช้าได้กว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ และทุกภาค เนื่องจากประเทศและภาคอื่นมีภาคการท่องเที่ยวมาสนับสนุน ขณะที่เศรษฐกิจภาคอีสานยึดโยงกับภาคเกษตร ซึ่งมีปัจจัยกดดันจากปัญหาภัยแล้ง
ด้านปัญหาหนี้ครัวเรือนนั้น มองว่าประชาชนในภาคอีสาน มีภาระหนี้เฉลี่ยที่ต้องจ่ายต่อเดือนมากที่สุด โดยเฉพาะหนี้ภาคเกษตรที่โตเร็วมากที่สุดในรอบ 6 ปี เมื่อเทียบกับภาคอื่น และมีโอกาสจะกลายเป็นหนี้เรื้อรังที่ไม่สามารถปิดจบได้ รวมทั้งภาพรวมหนี้อีสานที่มีสัดส่วนหนี้ครัวเรือน (P-loan) สูงกว่าภาคอื่น
"ธปท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง โดยได้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ให้ตรงจุดและยั่งยืน เช่น หลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) เพื่อปรับพฤติกรรมเจ้าหนี้และลูกหนี้ ผ่านการยกระดับมาตรฐานกระบวนการให้สินเชื่อตลอดวงจรหนี้ นอกจากนี้ จะมีการกำหนดแนวทางให้เจ้าหนี้ช่วยเหลือลูกหนี้เรื้อรัง (persistent debt) เพื่อให้ลูกหนี้กลุ่มนี้สามารถปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และมีเงินเหลือพอดำรงชีพ" นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
ผู้ว่าฯ ธปท. ยังกล่าวถึงแนวทางการยกระดับภาคอีสานว่า ควรผลักดันนโยบายจากพื้นที่ (Bottom-up) ทั้งจากภาคธุรกิจ ภาควิชาการ และประชาชนในพื้นที่ ในระยะยาวเห็นโอกาสของภาคอีสานที่มีศักยภาพจาก 1.การเติบโตของเมืองที่มากกว่าภาคอื่นๆ เช่น จากข้อมูลดาวเทียมพบว่ามีการขยายตัวของพื้นที่ก่อสร้าง โดยเฉพาะในเมืองรอง 2.การค้าชายแดนที่ระยะยาวคาดว่าจะดีขึ้น และ 3.ความได้เปรียบด้านประชากรที่มากกว่าภาคอื่นๆ ซึ่งเป็นทรัพยากรผลักดันการเติบโตในอนาคต