มารี ดีรอน กรรมการผู้จัดการฝ่ายกำกับดูแลอันดับความน่าเชื่อถือและความเสี่ยงระดับโลกของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าที่คาด อย่างไรก็ดี คาดว่าเศรษฐกิจโลกยังคงมีโอกาสที่จะฟื้นตัว
ดีรอนเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีในวันพฤหัสบดี (31 ส.ค.) ว่า "เราคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกจะอ่อนแอลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย โดยผลกระทบดังกล่าวจะเกิดขึ้นผ่านทางการค้าและการเข้าถึงแหล่งระดมเงินทุนในภูมิภาค"
ทั้งนี้ ดีรอนระบุว่า มี 3 ปัจจัยที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ซึ่งได้แก่อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นเป็นเวลานาน การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และภาวะตึงตัวในระบบการเงิน
"แม้ว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ พยายามควบคุมไม่ให้เศรษฐกิจทั่วโลกร้อนแรงเกินไปและฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ ขณะเดียวกันเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าความเสี่ยงนี้จะสูงขึ้นอีกเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้เศรษฐกิจอ่อนแอลง" ดีรอนกล่าว
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้เริ่มวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.2565 หลังจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยของเฟดพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.25-5.50% ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเตือนว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก
"ความเสี่ยงลำดับที่ 2 ที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวคือภาวะตึงตัวในระบบการเงิน ที่ผ่านมานั้นเราเห็นธนาคารพาณิชย์พยายามปรับตัวกับช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นมีผลกระทบเชิงบวกต่ออัตรากำไรของธนาคารในระดับหนึ่ง แต่ในอีกทางหนึ่งนั้นธนาคารจำเป็นต้องปรับธุรกิจ เพื่อให้สามารถดึงดูดเงินฝากจากลูกค้า"
"ส่วนความเสี่ยงลำดับสุดท้ายคือความเปราะบางของเศรษฐกิจจีน ขณะนี้มูดี้ส์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นโดยเร็ว และเราคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วเอเชีย แนวโน้มเศรษฐกิจจีนถูกบดบังจากความเสี่ยงที่จะเผชิญกับช่วงขาลง และผลกระทบจากความเสี่ยงที่จะมีการผิดนัดชำระหนี้"
"แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เราคาดว่าเศรษฐกิจโลกยังมีโอกาสที่จะฟื้นตัว โดยแม้มูดี้ส์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอลงในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะได้แรงหนุนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องของตลาดต่างๆ เช่น อินเดียและอินโดนีเซีย" ดีรอนกล่าว