กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ที่ยังขยายตัวเด่น แถมเล็งประมูลงาน EPC ใหม่ๆ เพียบ ขณะโบรกฯ แนะนำซื้อ ชี้เป้าราคาปี 2566 ที่ 5.25 บาทต่อหุ้น ขณะแนวโน้มกำไรปกติครึ่งปีหลังกลับมาเติบโต รับแรงหนุนจากธุรกิจ EPC ตอกย้ำปีนี้ทำรายได้เข้าเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพของรายได้และกำไรสุทธิในครึ่งหลังปี 2566 ว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นรายได้หลักที่มีเข้ามาสม่ำเสมอ อีกทั้งยังทยอยรับรู้รายได้จากงานรับเหมาและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ที่ปัจจุบันมีงานอยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท และมีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพิ่ม
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยมีความพร้อมที่จะขยายการลงทุนด้านต่างๆ เพื่อเป้าหมายสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งพลังงานทดแทน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานและเทคโนโลยี ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ธุรกิจด้านการบริการก่อสร้างครบวงจร จึงทำให้มั่นใจว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2566 จะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้คือ ไม่ต่ำกว่า 15%
“บริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพธุรกิจของปีนี้ว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ธุรกิจ EPC ยังเป็นตัวขับเคลื่อน โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ จากการขยายพอร์ตพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลมซึ่งสนับสนุนงานในมือเพิ่มมากขึ้น” ดร.สมบูรณ์ กล่าว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึงแนวโน้มกำไรปกติในช่วงครึ่งหลังปีนี้ของ GUNKUL คาดว่าจะสามารถกลับมาเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่ได้แรงหนุนจากธุรกิจ EPC ที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 4/2566 คาดว่ากำไรปกติของ GUNKUL จะเติบโตโดดเด่นเนื่องจากธุรกิจ EPC ช่วยหนุน และปัจจัยฤดูกาลของโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทย ดังนั้นจึงแนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม ณ สิ้น 2566 ที่ 5.25 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม มองว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นจะฟื้นตัวหลังการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้การลงนามใน PPA ของโครงการที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 5.2 พันเมกะวัตต์มีความคืบหน้า (ตลาดเริ่ม Price-in โครงการใหม่เข้าไปในราคาหุ้นมากขึ้น)