เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ผสานความร่วมมือมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิจัยโพรไบโอติก 3 สายพันธุ์พิเศษที่มีคุณสมบัติโดดเด่น เพื่อนำมาพัฒนาเป็นส่วนประกอบหลักเฉพาะของผลิตภัณฑ์ HOLIS by SCGP ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS” ยกระดับการดูแลรักษาสุขภาพและคุณภาพชีวิต
นายเอกราช นิโรจน์ Enterprise Marketing Director บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า จากภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย (Dietary Supplements) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง มาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภควัยทำงานยุคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินเพื่อสุขภาพ ส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ โดยพบว่าเหตุผลอันดับ 1 ของการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย ล้วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์กลุ่มโพรไบโอติก (Probiotics) ที่มีจุลินทรีย์เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จึงมีการคาดการณ์ว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มโพรไบโอติกในประเทศไทยปี 2565-2570 จะเติบโตเฉลี่ย 10.4% ต่อปี
โดยมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 960 ล้านบาท เป็น 1,571 ล้านบาท และเติบโต 12% เมื่อเทียบระหว่างปี 2566 กับปี 2567 ส่วนภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยปี 2565-2570 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 7.5% ต่อปี โดยมีมูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 31,116 ล้านบาท เป็น 44,630 ล้านบาท และเติบโต 8% เมื่อเทียบระหว่างปี 2566 กับปี 2567 (ที่มา ยูโรมอนิเตอร์)
“SCGP มีความเชี่ยวชาญการพัฒนาสายพันธุ์และการเพาะปลูกแบบธรรมชาติ จึงนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาต่อยอดในพืชสมุนไพรมูลค่าสูง สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP ล่าสุดได้มีการเพาะเลี้ยงเจียวกู่หลานคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก (Prebiotics) ผ่านการรับรอง GHPs/HACCP 2020 จากสถาบันชั้นนำระดับสากล จึงได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ และศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการต่อยอดวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรของ SCGP ร่วมกับโพรไบโอติกสายพันธุ์พิเศษ คัดเลือกจากธรรมชาติในประเทศไทย ทำให้มีความเหมาะสมกับคนไทย ซึ่งโพรไบโอติกสายพันธุ์พิเศษนี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HOLIS by SCGP PROBIO ACTIVE PLUS ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ล่าสุดจาก SCGP” นายเอกราช กล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า มศว มีศูนย์เพื่อความเป็นเลิศทางวิจัยด้านโพรไบโอติก มีความเชี่ยวชาญและผลการทดลองที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นประโยชน์และปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงมีแนวคิดต่อยอดงานวิจัยให้นำมาใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งนำมาสู่ความร่วมมือกับ SCGP ในการวิจัยร่วมกันระหว่างโพรไบโอติกของ มศว และพรีไบโอติกจากสมุนไพรที่ผลิตโดย SCGP ซึ่งจากผลการวิจัยสามารถคัดเลือกโพรไบโอติกสายพันธุ์ดีที่มีคุณสมบัติโดดเด่น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงโรคไขมันพอกตับ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ Lactobacillus paracasei MSMC39-1, Bifidobacterium animalis TA1 และสายพันธุ์พิเศษ Lactobacillus rhamnosus TM7 รวมถึงได้วิจัยพรีไบโอติกจากเจียวกู่หลานของ SCGP ที่มีสาร Saponins ปริมาณสูงและมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยเพิ่มกากใยในระบบทางเดินอาหาร ช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบขับถ่าย ช่วยให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกเติบโตได้ดีและเกิดการหมักได้โพสต์ไบโอติก (Postbiotics) เป็นต้น
“จากความร่วมมือกันครั้งนี้ นับเป็นความสำเร็จของการวิจัยและพัฒนาร่วมกันในการช่วยกันยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น และคาดว่าจะนำไปสู่การขยายความร่วมมือทำงานวิจัยในอนาคต เช่น การวิจัยสายพันธุ์โพรไบโอติกชนิดใหม่ๆ การทำงานร่วมกับพรีไบโอติกชนิดต่างๆ รวมถึงการนำไปใช้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการยกระดับการดูแลรักษาสุขภาพ และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ที่ผสมผสานเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อเป็นการต่อยอดและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจชีวภาพให้สูงขึ้นจากการนำพืชสมุนไพรมาสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย” รองศาสตราจารย์ ดร.สมชาย กล่าว