ตลาดหุ้นเอเชียเปิดไร้ทิศทางในวันนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นกดดันราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,671.13 จุด เพิ่มขึ้น 250.26 จุด หรือ +1.29% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,296.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.63 จุด หรือ +0.48% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,019.06 จุด ลดลง 140.22 จุด หรือ -0.44%
ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน ก.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 54.1 จากระดับ 53.9 ในเดือน มิ.ย. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 52.5
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังมีการขยายตัว
นายโทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจากบริษัท IG ระบุว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ 4.30% ทำให้เคลื่อนตัวใกล้ระดับสูงสุดของเดือน ต.ค.2565 ที่ 4.42%
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลในการตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.1% สวนทางการคาดการณ์เมื่อวันอังคาร (1 ส.ค.)
ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) โดยดัชนี S&P500 ลดลง 0.25% ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลบ 0.19% และดัชนี Nasdaq Composite ขยับลง 0.1%