xs
xsm
sm
md
lg

“วนรัชต์” ปัดเอี่ยว STARK ฉ้อโกง DSI ชี้ถ้าได้ประโยชน์มีความผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“วนรัชต์” ย่องพบ DSI รับทราบข้อหาคดีหุ้น STARK เตรียมส่งหนังสือชี้แจง เจ้าหน้าที่ระบุเข้าข่ายฉ้อโกง จ่อรวบรวมข้อมูลเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ยันได้รับเอกสารครบ แต่ต้องดูตามความจริงใครได้ประโยชน์เกี่ยวข้องถือว่ามีความผิด เตรียมประชุม 2 ส.ค.เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมให้ครบทุกด้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ดำเนินคดีบุคคลและนิติบุคคลจำนวนทั้งสิ้น 10 ราย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตทางการเงินของ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) นั้น

ล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหุ้น STARK เปิดเผยว่า นายวนรัชต์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนและรับทราบข้อกล่าวหาในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนพร้อมรับทราบประเด็นข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยืนยันปฏิเสธทุกข้อหา ก่อนนัดหมายขอส่งเป็นหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง ซึ่งพฤติการณ์ระหว่างนายวนรัชต์ และนายชนินทร์ อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่มีลักษณะเข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงเช่นเดียวกัน และไม่จำเป็นที่ทุกคนในเรื่องนี้จะต้องกระทำเหมือนกัน หาก ก.ล.ต. เล็งเห็นว่าบุคคลใดมีส่วนรู้เห็นด้วยกันอย่างไร หรือมีพฤติการณ์การแบ่งหน้าที่กันทำย่อมเข้าองค์ประกอบได้ ดังนั้น เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ดีเอสไอในฐานะบังคับใช้กฎหมายและสอบสวนมีหน้าที่จะต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้ยุติ

ทั้งนี้ ประเด็นที่ ก.ล.ต. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษทั้ง 10 รายต่อดีเอสไอ เมื่อบุคคลหรือนิติบุคคลเข้ารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมขอชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนจะต้องดูว่าผู้ต้องหามีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอย่างไรบ้าง ยกตัวอย่าง นายวนรัชต์ อาจจะชี้แจงว่าได้ปล่อยให้นายชนินทร์เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องใดๆ ดีเอสไอต้องพิสูจน์ว่าเป็นไปตามที่ผู้ต้องหาชี้แจงหรือไม่ หรือเจ้าตัวได้รับประโยชน์ใดจากการมอบอำนาจดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอต้องใช้เวลาในการรวบรวมคำให้การต่างๆ ไปพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานอีกหลายส่วน เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมต่อทุกคนที่สุด

“เรื่องพยานเอกสารเพิ่มเติมซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่รับผิดชอบของบุคลากรผู้บริหารของแต่ละบริษัทที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหนังสือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบว่าในช่วงระหว่างการเกิดเหตุ ใครเป็นผู้ลงนาม กรรมการบริษัทในขณะนั้นมีใครบ้าง และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งและดำเนินงานของบริษัท ดีเอสไอได้รับครบถ้วนแล้ว และทราบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องและทำหน้าที่อะไรบ้างในช่วงเกิดเหตุ และแม้ว่าตัวหนังสือลายลักษณ์อักษรจะปรากฏข้อมูลใดก็ตาม แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้มองเเค่เนื้อหาสาระ เรามองตามความเป็นจริง เพราะตัวเอกสารกับพฤติการณ์จริงมันมีความแตกต่างกันอยู่ บางช่วงบางตอนในหนังสือมีการแต่งตั้งให้ใครทำหน้าที่ใด แต่ความเป็นจริงกลับไม่ตรงกัน บางคนอาจจะรู้เรื่องทั้งหมด ดำเนินการเองทั้งหมด หรือบางคนอาจจะรู้เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 2 ส.ค. พนักงานสอบสวนจะมีการประชุมหารือถึงความคืบหน้าทางคดี ทั้งในส่วนของเนื้อหาภายในสำนวน ผลการสอบปากคำพยานบุคคล คำให้การของผู้ต้องหา รวมถึงแนวทางการสอบสวน การแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมหลังจากนี้อีกด้วย เพื่อให้สำนวนคดีมีความครบถ้วน
กำลังโหลดความคิดเห็น