MQDC แจงคอนโดฯ หรู 'วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว' มีทางเชื่อมเข้าและออกโครงการด้านหน้าของที่ดินเกินกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะ และ รฟม.ได้อนุญาตให้ใช้ประโยชน์เป็นทางผ่าน โดยสามารถขึ้นอาคารขนาดใหญ่พิเศษได้ตามสิทธิเดิม
หลังจากมีประเด็นการนำเสนอ โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ไปเชื่อมโยงกับเรื่องของโครงการอื่นนั้น นายอัษฎา แก้วเขียว กรรมการ บริษัท วิซดอม พินนาเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บริษัทฯ) ในฐานะผู้พัฒนาโครงการวิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท ภายใต้บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ขอเรียนแจ้งยืนยันข้อเท็จจริงของโครงการวิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ดังนี้
ข้อเท็จจริงของที่ดินโครงการวิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว
โครงการวิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 13046 และ 13062 ซึ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 13046 เป็นที่ดินที่มีการเชื่อมทางเข้าออกของโครงการสู่ถนนลาดพร้าว มีสิทธิเดิมสามารถขึ้นอาคารขนาดใหญ่พิเศษและอาคารสูงตามกฎหมายควบคุมอาคารได้อย่างถูกต้องอยู่แล้ว เพราะมีด้านหน้าของที่ดินเกินกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะ คือ ถนนลาดพร้าวมาตลอด ถือเป็นสิทธิดั้งเดิมที่เจ้าของที่ดินมีอยู่แต่ต้น
ขนาดทางเข้าออกของโครงการถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อมีโครงการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ทาง รฟม.ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดประเภทการขออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นทางผ่าน เพื่อให้เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนสามารถใช้ที่ดินของ รฟม.ที่เวนคืนมานั้น เป็นทางผ่านของที่ดินออกสู่ถนนสาธารณะ เพื่อพัฒนาที่ดินเป็นโครงการอาคารขนาดใหญ่พิเศษหรืออาคารสูงได้ตามสิทธิเดิมที่เคยมี
ที่ดินโฉนดเลขที่ 13046 จึงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศของ รฟม. ทุกประการ เจ้าของที่ดินได้รับใบอนุญาตให้ผ่านทางได้ตามประกาศ โดยในช่วงแรกเจ้าของที่ดินเดิมได้สิทธิผ่านเข้าออกขนาดกว้าง 4.5 เมตร ตามขนาดความต้องการใช้ประโยชน์ประเภทบ้านอยู่อาศัย และภายหลังเจ้าของที่ดินเดิม ได้แจ้งความประสงค์เปลี่ยนประโยชน์การใช้ที่ดิน เป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารขนาดใหญ่พิเศษและอาคารสูง
จึงได้รับอนุญาตให้ขยายขนาดทางเข้าออกและอนุญาตให้ผ่านทางเป็น 12.5 เมตร ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บริษัทฯ ยังไม่ได้เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน และใบอนุญาตที่ออกตามประกาศของ รฟม. จึงยังคงมีผลบังคับใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาจากเจ้าของเดิมในปี 2557 บริษัทฯ จึงได้รับโอนสิทธิในการพัฒนาที่ดินและสิทธิในการใช้ที่ดินของ รฟม.เป็นทางผ่านต่อมาจากเจ้าของที่ดินเดิมอย่างสมบูรณ์