ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ร้อนแรงสุดๆ "แอสเซทไวส์ฯ" เดินหน้าขยายฐานตลาดสู่หัวเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง ยึดหัวหาดจังหวัดภูเก็ตบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์เต็มสูบ ทุ่มเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้พัฒนาคอนโดฯ ชั้นนำในจังหวัดภูเก็ต เข้าถือหุ้นเบื้องต้น 57% ผ่านบริษัทย่อย พร้อมทำ Tender Offer วางแผนต่อยอดการเติบโตสู่กลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยวในอนาคต เตรียมพัฒนาโครงการต่อเนื่องบนที่ดินกว่า 80 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันรายได้สู่ระดับ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า “ASW” ได้ต่อยอดความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งในการสร้างการเติบโตที่เข้มแข็งให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ ASW ผ่านการเข้าซื้อหุ้นบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต เพื่อขยายฐานธุรกิจและฐานตลาดของบริษัทฯ ไปในทำเลที่มีศักยภาพสูง และมีความหลากหลายซึ่งจะเป็นการผลักดันรายได้ของ ASW ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 อนุมัติให้บริษัท 39 เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ASW ถือหุ้นร้อยละ 99.99 เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (TITLE) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จำนวน 417,169,500 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.79 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TITLE จากผู้ถือหุ้นเดิมในราคาหุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,042,923,750 บาท พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TITLE (Tender Offer) ในลำดับต่อไป
โดย TITLE เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี พัฒนาอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ “The Title” ซึ่งแต่ละโครงการล้วนตั้งอยู่ในทำเลที่ดีอย่างหาดในยาง หาดราไวย์ และหาดบางเทา และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถปิดการขายแล้วเกือบทุกโครงการ ซึ่งในปัจจุบัน โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น โครงการ THE TITLE V RAWAI ซึ่งปิดการขายแล้ว 100% สามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วกว่า 89% และโครงการ THE TITLE HALO 1 NAIYANG เปิดการขายเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ณ ไตรมาส 2/2566 มียอดขายแล้วกว่า 79% จาก 329 ยูนิต ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2567
และหากพิจารณาทางด้านการเงินพบว่า TITLE มีสถานะทางการเงิน และพื้นฐานธุรกิจที่ดี แม้ในช่วงโควิดที่ผ่านมา TITLE ยังสามารถส่งมอบห้องชุดให้ลูกค้าได้ตามสัญญา รวมถึงมีหนี้สินต่อทุนในระดับที่ต่ำจึงยังมีโอกาสเติบโต และขยายธุรกิจได้อีกมาก
นอกจากนั้นแล้ว การเข้าซื้อหุ้น TITLE จะช่วยให้ ASW สามารถต่อยอด และขยายเข้าสู่ธุรกิจคอนโดฯ ในตลาดภูเก็ตได้ทันที เนื่องจาก TITLE มีที่ดินรอการพัฒนาอีกกว่า 80 ไร่ ในทำเลศักยภาพอย่างหาดในยาง หาดราไวย์ และหาดบางเทา ที่สามารถพัฒนาโครงการในอนาคตได้ถึง 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท และการเข้าลงทุนดังกล่าว บริษัทฯ ยังได้ฐานลูกค้าและเครือข่ายเอเยนต์ (Agent) ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงทีมผู้บริหารและพนักงานที่เข้าใจการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ พร้อมที่จะสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพในระดับสากลต่อไป
“เรามองเห็นศักยภาพ ประสบการณ์ และความสามารถของทีมผู้บริหาร และศักยภาพที่ดินในจังหวัดภูเก็ตของ TITLE รวมทั้งมุมมองในการทำธุรกิจของทั้ง ASW และ TITLE ที่มี DNA ที่คล้ายกัน ทั้งด้านการให้ความสำคัญกับ Facilities และฟังก์ชันในการอยู่อาศัย รวมถึงแผนการพัฒนาภาพใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตเอง ซึ่งการ Synergy กันในครั้งนี้ จะช่วยให้ ASW ต่อยอดธุรกิจไปสู่กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวได้ในอนาคต”
นายกรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตฟื้นตัวถึงกว่าร้อยละ 80 เทียบกับช่วงก่อนโควิด และทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ได้วางกลยุทธ์ในการส่งเสริมการทำการตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตไว้ 5 ด้านด้วยกัน คือ กลยุทธ์รักษาตลาดเป้าหมายเดิมไว้ เช่น ตลาดจีน รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มาภูเก็ตอยู่แล้ว ด้วยการออกไปทำตลาดส่งเสริมการขาย การออกไปทำโรดโชว์ในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางในบางประเทศ โดยภาคเอกชนมองว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว 100% อย่างแน่นอนในปี 2567 ที่จะถึงนี้ ย่อมส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ของภูเก็ต โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้ของ TITLE ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2567-2569)
อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 50 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE) แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ) แบรนด์ โมดิซ (MODIZ) แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และแบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 55,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 37 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 11,400 ล้านบาท