เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล เพิ่มทุนขาย RO อัตรา 1 ต่อ 1 ราคาหุ้นละ 30 สตางค์ นำไปลงทุนโรงแรมเจซี เควิน สาทร กรุงเทพฯ และใช้เป็นทุนหมุนเวียน ปรับโครงสร้างการเงินและรองรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้าน "อภิชัย เตชะอุบล" พร้อมซื้อเกินสิทธิหนุนซื้อสินทรัพย์
ดร.อภิชัย เตชะอุบล บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2566 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท 4,505,583,138 บาท จาก 3,465,833,184 บาท เป็น 7,971,416,322 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4,505,583,138 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ซึ่ง JCK จะจัดสรรขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) 3,465,833,184 หุ้น ในอัตราส่วนการจัดสรร 1 หุ้นสามัญเดิมต่อไม่เกิน 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.30 บาท และจัดสรรเพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) 1,039,749,954 หุ้น
สำหรับการเพิ่มทุนแบบ General Mandate แบ่งเป็นจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 693,166,636 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิม (RO) และจำนวนไม่เกิน 346,583,318 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
โดย JCK มีแผนการใช้เงินเพื่อนำไปลงทุนในโรงแรมเจซี เควิน สาทร กรุงเทพฯ 800 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ปรับปรุงโครงสร้างทางการเงินและรองรับการประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 239.75 ล้านบาท ซึ่งแผนการใช้เงินดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการระดมทุนของบริษัท
นอกจากนี้ บอร์ดยังอนุมัติให้บริษัทหรือบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทำรายการได้มาซึ่งทรัพย์สินในอาคารชุด 'สาทร เฮอริเทจ เรสซิเดนเซส' อาคารบี, ซี (บางส่วน) ภายใต้ชื่อ 'โรงแรม เจซี เควิน สาทร กรุงเทพฯ' โดยเป็นการซื้อห้องชุดพาณิชกรรมและห้องชุดพักอาศัย จำนวน 318 ห้อง จาก บมจ.เจซี เควิน ดีเวลลอปเม้นท์ (JCKD) คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 3,040 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าบริษัทจะจัดหาเงินทุนจากการเพิ่มทุนเพียงพอต่อความต้องการใช้เงินทุนในการเข้าทำธุรกรรมการซื้อทรัพย์สินจาก JCKD ดังนั้น บริษัทจึงแจ้งความประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นสามัญตามสัดส่วนที่ถืออยู่ และจองเกินสิทธิของตน โดยจองซื้อตามสิทธิ 364,313,679 หุ้น หรือกรณีจองซื้อเกินสิทธิรวมจำนวนสูงสุดไม่เกิน 2,736,621,881 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 39.48% ของทุนที่ออกและชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้ และจะถือหุ้นในบริษัท (รวมผู้ที่เกี่ยวข้อง) นำจำนวนสูงสุดรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 3,465,140,017 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 49.99 % ของทุนที่ออกและชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนครั้งนี้
โดยในการนี้ นายอภิชัย ซึ่งเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทตามประกาศเรื่องรายการที่เกี่ยวโยงกัน (เนื่องจากนายอภิชัยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นกรรมการของบริษัท) ต้องการที่จะขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Whitewash)