ปฏิบัติการปล้นในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ตีวงแคบเข้ามาทุกที และเริ่มปรากฏชื่อกลุ่มคนที่ตกเป็นผู้ต้องหาบ้างแล้ว
เพียงแต่ตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคำบงการ สร้างนวนิยายน้ำเน่า สร้างเรื่องโกหกพกลม และสร้างภาพลวงตาหลอกลวงนักลงทุนยังไม่ถูกลากออกมาประจานเท่านั้น
นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK กำลังถูกจับตา เพราะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากราคาหุ้น STARK ที่ปรับตัวขึ้นไปสูงสุด 5.10 บาท ก่อนจะเกิดข่าวฉาวโฉ่งบการเงินปี 2565
นายวนรัชต์ ได้ทยอยขายหุ้นออกต่อเนื่อง จากต้นทุนหุ้นที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 16,500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 60 สตางค์ และชำระค่าหุ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562
แต่การปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดวันที่ 30 สิงหาคม 2565 นายนายวนรัชต์ เหลือหุ้นในมือ 3,196.75 ล้านหุ้น หรือถือหุ้นในสัดส่วน 26.85% ของทุนจดทะเบียน
นายวนรัชต์ ขายหุ้น STARK ออกไปจำนวนทั้งสิ้นกว่า 13,000 ล้านหุ้น ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าขายในราคาเท่าใดบ้าง และโกยกำไรไปแล้วเท่าไหร่ เพราะต้องรายงานการจำหน่ายหุ้นให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ตัวการใหญ่ที่บงการปล้น STARK ไม่มีทางหลุดลอยนวลไปได้ เพราะผู้ต้องสงสัยบางคนออกมาชี้เป้าคนที่อยู่เบื้องหลังสร้างเรื่องแหกตาทั้งหมด และเส้นทางการเงินจะเป็นอีกหลักฐานสำคัญที่มัดตัว
หัวโจกตัวโกง STARK ไม่รอดแน่ เว้นแต่จะเผ่นหนีออกนอกประเทศก่อนที่จะมีการแจ้งข้อหา ออกหมายจับ และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นข้อกังวลของนักลงทุนที่หมดตัวจากบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ และกำลังเคลื่อนไหวเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับแก๊งโกง
ปัจจุบัน ยังไม่มีหน่วยงานใดร้องทุกข์กล่าวโทษกรรมการหรือผู้บริหาร STARK แม้แต่คนเดียว
ก.ล.ต.ตกเป็นจำเลยสังคม เพราะการแก้ปัญหา STARK อืดอาดล่าช้า ไม่มีความเด็ดขาด และไม่มีคำตอบใดๆ ที่ชัดเจนในแนวทางเยียวยานักลงทุน โดยตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ที่เดินทางไปร้องทุกข์ผู้บริหาร ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ต้องผิดหวังกับบทบาทของหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้โดยตรง
อำนาจของ ก.ล.ต.มีอยู่ล้นฟ้า สามารถอายัดทรัพย์ของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ทุจริตได้ ร้องต่อศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศไทย แต่ 31 ปีนับจากก่อตั้ง ก.ล.ต.ไม่เคยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งที่เกิดวิกฤตในบริษัทจดทะเบียนนับสิบๆครั้ง
และปล่อยให้กรรมการหรือผู้บริหารบริษัท สูบเงินผ่องถ่ายทรัพย์สินจนบริษัทจดทะเบียนเหลือแต่ซาก ผู้ถือหุ้นถูกปล่อยลอยแพ เสียหายถึงขั้นหมดตัว
ก.ล.ต.ยังไม่มีเลขาธิการตัวจริง มีรองเลขาธิการทำหน้าที่รักษาการอยู่ และมี ดร.พิชิต อัตราทิตย์ นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอยู่ แต่แทบไม่มีมาตรการใดในการกอบกู้วิกฤต STARK
หายนะใน STARK ที่สร้างความเสียหายในวงกว้าง สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นนักลงทุนอย่างรุนแรง แต่ ก.ล.ต.กลับเงียบเป็นเป่าสาก แทบไม่มีการตื่นตัวในการทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน
และไม่มีความเคลื่อนไหวใดในการเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
STARK ทำให้ ก.ล.ต.เป็นเสือกระดาษอย่างแท้จริง และทำให้คณะกรรมการ ก.ล.ต.ทั้งชุดเป็นเพียงดาวประดับเข้ามานั่งกินเงินเดือนไปวันๆ เท่านั้น
ถ้า ก.ล.ต.ไม่ทบทวนบทบาทตัวเอง ไม่กล้าใช้อำนาจตามที่กฎหมายมอบให้ ไม่แก้ปัญหาอย่างถึงลูกถึงคน ไม่เร่งกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนที่มีเบาะแสการโกงในทันที สังคมคงต้องตั้งคำถาม
จะมี ก.ล.ต.ไว้ทำไม
วันนี้ STARK ควรถูกควบคุมกิจการแล้ว เพื่อปกป้องทรัพย์สินของเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ หรือแม้แต่นักลงทุนในหุ้นสามัญ เพื่อป้องกันการโยกย้าย ผ่องถ่ายทรัพย์สินจนไม่เหลือซาก
แต่ผู้ต้องสงสัยสร้างความล่มสลายให้ STARK ยังนั่งบริหารงานอยู่ และแทบไม่มีใครรู้เลยว่า บริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ยังเหลืออะไรที่จะเยียวยานักลงทุนบ้างหรือไม่
กรรมการและผู้บริหาร STARK จะตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดมากมายหลายข้อหา
แต่ ก.ล.ต.กำลังตกเป็นจำเลยของสังคม เพราะไม่มีบทบาทใดในการแก้ปัญหา STRAK
ก.ล.ต.ไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นจากประชาชนผู้ลงทุนแม้แต่น้อยว่าจะไม่เกิดกรณี STARK ภาค 2 ขึ้นซ้ำรอยอีก