"พรีบิลท์" ประเมินครึ่งปีหลังแนวโน้มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง-อสังหาริมทรัพย์มีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก หวังกำลังซื้อฟื้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น เผยกอด Backlog งานก่อสร้าง 6,000 ล้านบาท พร้อมรับรู้ยอดขายรอโอนจาก 5 โครงการที่มีอยู่ในมือ ฟากซีอีโอเผยแผนงานครึ่งปีหลังปักหมุดประมูลงานก่อสร้างต่อเนื่อง เตรียมเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่า 1,200 ล้านบาท มั่นใจปีนี้โต 10% จากปีก่อน
นายวิโรจน์ เจริญตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีบิลท์ จํากัด (มหาชน) หรือ PREB เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในครึ่งแรกของปี 2566 ผ่านไปด้วยดีและเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขณะแนวโน้มในครึ่งปีหลังคาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จากงานก่อสร้างมูลค่า 6,000 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้รวมที่ระดับ 8,000 ล้านบาท
รวมทั้งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมียอดขายรอโอนจาก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการพิมนารา ศรีนครินทร์-บางนา โครงการพิมนารา ธรรมศาสตร์-รังสิต โครงการพรีวิลเลจ ธรรมศาสตร์-รังสิต และที่จะเปิดตัวในช่วงปลายปีอีก 2 โครงการ คือ โครงการพิมนารา ศาลายา และโครงการพรรณนา ทวีวัฒนา ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะมีมูลค่ายอดโอนรวมกันกว่า 1,200 ล้านบาท
"ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10% และบริษัทฯ มีแผนจะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ยื่นประมูลงานรับเหมาก่อสร้างใหม่ ซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทคอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงาน รวมทั้งยังมีงานที่รอประมูลใหม่อีกจำนวนมาก ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างมั่นคง"
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในระยะยาวภายใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทจะมีรายได้รวมที่ระดับ 8,000 ล้านบาท และภายใน 3 ปีจะเพิ่มสัดส่วนกำไรของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็น 50% ของกำไรรวมจากปี 2565 มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ขณะที่กำไรมาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอยู่ที่ 80% โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะนำเสนอระบบการก่อสร้างที่พักอาศัยด้วยระบบการทำงานแบบใหม่ มีการศึกษาและการนำนวัตกรรม หรือการนำสินค้าหรือวัสดุใหม่ๆ รวมถึงวัสดุ Pre-Cast ที่พัฒนาในลักษณะเฉพาะของบริษัทเองให้โครงการขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อบริหารต้นทุนค่าก่อสร้าง ลดระยะเวลาก่อสร้างและสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีมากขึ้น