xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรีฯ คาดบาทสิ้นปีที่ 33.75 ผันผวนแข็งค่า ติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยง แนะโซลูชันลดเสี่ยง FX

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



น ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) กล่าวว่า ภาพรวมของสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยในช่วงครึ่งปีแรกเงินบาทเคลื่อนไหวในโซนอ่อนค่า แต่ยังเกาะกลุ่มไปกับสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนถ่วงค่าเงินหยวนลง และหากมองไปข้างหน้าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดการณ์ว่าแม้ธนาคารกลางชั้นนำของโลกยังยืนยันว่าการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อยังเป็นเป้าหมายหลัก แต่เราเห็นว่าการคุมเข้มทางการเงินอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมาจะบั่นทอนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยใกล้สุดทางแล้ว แต่อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงช้าทำให้ดอกเบี้ยค้างอยู่ที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ เงินบาทมีแนวโน้มผันผวนในทิศทางแข็งค่า โดยคาดการณ์ระดับซื้อขาย ณ สิ้นปีที่ราว 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (กรอบ 32.25-35.25) บนสมมติฐานที่ว่าสหรัฐฯ ใกล้ยุติการขึ้นดอกเบี้ย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงสถานะดุลบัญชีเดินสะพัดได้แรงส่งเชิงบวกจากภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ คาดว่าภาพการเมืองในประเทศจะมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยดึงดูดกระแสเงินทุนให้ไหลกลับเข้ามาในสินทรัพย์สกุลเงินบาท ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะถัดไปได้แก่ ทิศทางดอกเบี้ยโลกนำโดยเฟด เสถียรภาพทางการเมือง และการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ และคาดการณ์เงินบาทไตรมาสแรกปี 2567 ที่ 33.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (กรอบ 31.75-34.75) และไตรมาส 2 ปี 67 ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (กรอบ 31.25-34.25)

ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกรอบในการประชุมครั้งหน้าอีก 0.25% สู่ระดับ 2.25% จากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังลงช้า และเพื่อสร้างความสามารถในการบริหารดอกเบี้ยในอนาคต

"โจทย์ที่เราจะเจอคือ การรับมือดอกเบี้ยสูงยืดเยื้อ ซึ่งเป็นประเด็นที่ท้าทายต่อเนื่องมาจากปีก่อน แม้ว่าวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยโลกน่าจะใกล้ถึงจุดสิ้นสุด แต่ก็จะยังยืนสูงอยู่อีกระยะหนึ่ง และเราคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิดขึ้นในปีนี้ โดยตลาดมองว่าดอกเบี้ยเฟดจะจบ ณ สิ้นปีนี้ที่ 5.4% จากปัจจุบันที่ 5.1% ขณะที่ธนาคารมองในช่วงที่เหลือของปีเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย หรือปรับขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในอัตรา 0.25% และจะมองเห็นภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชัดเจนขึ้น"

**แนะโซลูชันช่วยลดเสี่ยง FX**
พร้อมกันนั้น กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ได้นำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อให้การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยเป็นเรื่องง่ายขึ้น ผ่าน Foreign Exchange Digital Platform แพลตฟอร์มที่ช่วยลูกค้าบริหารความเสี่ยงด้วยตัวเองได้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดย นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มุ่งนำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของลูกค้าทุกกลุ่มผ่าน 3 มุมมองหลัก ซึ่งได้แก่ Digitalization, ESG และ AEC ในมุมมองแรก Digitalization กรุงศรีพร้อมที่จะช่วยลูกค้าทุกกลุ่มในการดูแลและบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนผ่าน FX Digital Platform ซึ่งครอบคลุมตลอดเส้นทางประสบการณ์ของลูกค้า ตั้งแต่การอัปเดตข่าวสาร การทำธุรกรรม จนถึงการยืนยันธุรกรรม โดยเริ่มต้นจาก Krungsri FX ซึ่งเป็นบัญชีทางการบน LINE แอปพลิเคชันที่ลูกค้าสามารถเช็กข่าวสารตลาดการเงินและประเด็นสำคัญทางเศรษฐกิจต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยมีการนำเสนอทั้งในรูปแบบของบทวิเคราะห์ และคลิปวิดีโอ หลังจากนั้น ลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มต่างๆ ของธนาคาร ซึ่งได้แก่ FX@Krungsri โมบายแอปพลิเคชัน และบนกรุุงศรีบิซออนไลน์ ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม FX@Krungsri ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริการแก่ลูกค้านิติบุคคลในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศมากถึง 28 สกุลเงินทั่วโลกได้ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. โดยลูกค้าสามารถตั้งคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติในราคาที่ต้องการเมื่อตลาดเคลื่อนไหวถึงราคาที่ตั้งไว้ และเมื่อทำธุรกรรม FX เสร็จสิ้นแล้ว ลูกค้ายังสามารถยืนยันธุรกรรมผ่านระบบ e-FX confirmation ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สาขาเพื่อยื่นเอกสารยืนยันธุรกรรม ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตลูกค้าง่ายขึ้น ประหยัดทั้งทรัพยากรและเวลาได้อีกด้วย

ในมุมมองที่สอง ESG (Environment, Social and Governance) ในเดือนที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้ระดมเงินทุนจาก IFC มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นจำนวนเงินที่ออกตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับ ESG สูงสุดที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยเคยออกมา ในปี 2562 กรุงศรีประสบความสำเร็จในการออกตราสารหนี้ Women Entrepreneurs Bonds เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดังนั้น การออก Green & Blue Bond ในเดือนที่ผ่านมา จึงเป็นการเพิ่มการสนับสนุนธุรกิจของลูกค้าในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกรุงศรีจะยังคงยึดมั่นพันธกิจในการสนับสนุนการขยายธุรกิจ ESG ของลูกค้าต่อไปในอนาคต

ในมุมมองที่สาม AEC (ASEAN Economic Community) ธนาคารกรุงศรียังได้สนับสนุนการขยายธุรกิจของลูกค้าไปยังภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย การที่กรุงศรีเป็นสมาชิกของ MUFG ทำให้ธนาคารสามารถใช้เครือข่ายสาขาของ MUFG และธนาคารพันธมิตรที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านในการให้บริการที่หลากหลายแก่ลูกค้าที่มีความต้องการในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อการชำระเงินในภูมิภาค ทั้งนี้ กรุงศรีจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการ FX ที่มีคุณภาพ เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจของลูกค้าไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น