xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยลุ้นดีลผลประโยชน์การเมืองลงตัว หนุนดัชนีปิดแรง +23.53 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาดปรับตัวบวกร้อนแรง +23.53 จุด โบรกฯ ชี้นักลงทุนโฟกัสการแบ่งเค้กผลประโยชน์การเมืองขั้วจัดตั้งรัฐบาลลงตัว อีกทั้งหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความร้อนแรงก่อนหน้านี้ ทั้ง GULF และ CPALL ที่เคยร่วงลงแรงทยอยฟื้นตัวกลับขึ้นมา มองสัปดาห์หน้าแนวรับที่ 1,480 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,520-1,545 จุด แนะจับตาการเลือกประธานสภาในสัปดาห์หน้า หากราบรื่นตลาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หากตรงกันข้ามไม่เป็นตามคาดการณ์ ตลาดอาจปรับตัวลงอีกครั้ง

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 30 มิ.ย.2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรงกว่า +23.53 จุด หรือ +1.59% โดยปิดตลาดที่ 1,503.10 จุด มูลค่าซื้อขาย 56,920.35 ล้านบาท ขณะที่การซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีเคลื่อนไหวแดนบวกตลอดวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,506.19 จุด ในทางกลับกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,487.74 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 378 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 155 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 108 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -4,637.38 ล้านบาท และบัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -837.46 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +3,766.97 ล้านบาท และนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,707.87 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,865.57 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
2.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,304.74 ล้านบาท ปิดที่ 46.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
3.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,007.63 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,879.03 ล้านบาท ปิดที่ 159.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,807.91 ล้านบาท ปิดที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 226.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 1.80%
2.BBLปิดที่ 159.50บาท เพิ่มขึ้น+3.00 บาท หรือ 1.92%
3.ADVANC ปิดที่ 214.00บาท เพิ่มขึ้น3.00 บาท หรือ 1.42%
4.CPN ปิดที่ 65.50บาท เพิ่มขึ้น+2.75 บาท หรือ 4.38%
5.CRC ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น+2.50 บาท หรือ 6.85%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.FORTH ปิดที่ 26.75 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 1.83%
2.RBF ปิดที่ 10.80 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 2.70%
3.RATCH ปิดที่ 35.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.69%
4.THG ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.36%
5.PLANB ปิดที่ 8.05 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 2.42%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,039.87 จุด เพิ่มขึ้น 35.71 จุด หรือ 1.78% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 919.28 จุด เพิ่มขึ้น 16.63 จุด หรือ 1.84% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 459.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.21 จุด หรือ 1.59%

นายชาญชัย พันทาธนากิจ รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้บวกค่อนข้างแรง ปัจจัยหลักจากการเมืองในประเทศ หลังจากมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลสามารถตกลงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ราบรื่น ซึ่งกลุ่มหุ้นที่มาแรงเป็นกลุ่มที่ปรับตัวลงจากปัจจัยการเมือง เช่น กลุ่มพลังงาน GULF และ CPALL ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นสูงขึ้น

อีกทั้งจะมีการประกาศอัตราเงินเฟ้อของไทยในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลง นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศจะมีการรายงาน PMI ของยุโรปและสหรัฐฯ และการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ

"แนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้า จับตาประเด็นการเมืองในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากจะมีการเลือกประธานสภา หากราบรื่นตลาดยังฟื้นตัวได้ต่อ หลังจากช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นไทย Underperform เมื่อเทียบกับตลาดโลก ในทางตรงข้ามหากการเลือกประธานสภาไม่เป็นไปตามคาดการณ์ตลาดจะปรับลงอีกครั้ง โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวต้านที่ 1,520-1,545 จุด และแนวรับ 1,480 จุด" นายชาญชัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น