xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยไหลลงไม่เลิก ปิดร่วง -11.17 จุด หวั่นปัญหาตั้งรัฐบาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยยังคงลดลงต่อเนื่อง ปิดตลาดร่วง -11.17 จุด สร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบกว่า 2 ปี โบรกฯเผยนักลงทุนกังวลปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อและนโยบายพรรคกระทบการลงทุนและการฟื้นเศรษฐกิจไทย อีกทั้งยังมีแรงเทขายหนักในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้ แนวรับที่ 1,460 และ 1,450 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,475 -1,480 จุด มองภาพรวมตลาดยังคงซึมลงเรื่อยๆจนกว่าประเด็นการเมืองในประเทศจะคลี่คลาย

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 28 มิ.ย. 2566 ปรับตัวลดลง -11.17 จุด หรือ -0.76% โดยปิดตลาดที่ 1,466.93 จุด มูลค่าซื้อขาย 48,884.27 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการลงทุนในวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวสลับขึ้นลงระหว่างแดนบวกและลบในช่วงการซื้อขายภาคเช้า ก่อนที่จะปรับตัวลดลงอย่างมากในช่วงของการซื้อขายภาคบ่ายและปิดตลาดในแดนลบ ดดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,485.89 จุด ในทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,465.45 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 110 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 140 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 398 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่านักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,020.00 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า +505.51 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,798.19 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -727.32 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,994.12 ล้านบาท ปิดที่ 155.50 บาท ลดลง 6.00 บาท
2.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 2,105.01 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
3.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,104.30 ล้านบาท ปิดที่ 127.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,802.10 ล้านบาท ปิดที่ 31.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,699.64 ล้านบาท ปิดที่ 103.50 บาท ลดลง 2.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่212.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาทหรือ 0.95%
2.GULFปิดที่ 44.25บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 2.31%
3.SCC ปิดที่322.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 0.31%
4.BGRIM ปิดที่34.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาทหรือ 2.24%
5.CBG ปิดที่62.50บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาทหรือ 1.21%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1. BBL ปิดที่155.50 บาท ลดลง 6.00 บาทหรือ 3.72%
2.DELTAปิดที่ 94.00 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 3.09%
3.SCB ปิดที่103.50บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 2.36%
4.PTTEP ปิดที่143.50บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 1.37%
5.KTC ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 4.02%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,988.25 จุด ลดลง -14.54 จุด หรือ -0.73% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 896.42 จุด ลดลง -6.32 จุด หรือ -0.70% และ ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 441.94 จุด ลดลง -5.30 จุด หรือ -1.19%

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังปรับลงต่อเนื่อง โดยลงไปจุดต่ำสุด (นิวโลว์) ในรอบกว่า 2 ปี (ก.พ.64) โดยมีประเด็นหลักอยู่ที่ ปัจจัยการเมืองเกิดความไม่แน่นอน หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเกิดปัญหาที่ยังไม่รู้ว่าจะมีทางออกแบบไหน เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าในช่วงระหว่างที่ยังไม่มีความแน่นอนจะทำให้ตลาดซึมตัวต่อเนื่องจนกว่าจะคลี่คลาย อีกทั้งเสน่ห์หุ้นไทยตอนนี้ก็ไม่น่าสนใจมากแล้ว เพราะกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 94-95 บาท ตัวเลขส่งออกยังอ่อนแรงแม้ล่าสุดจะหดตัวน้อยกว่าคาด และในไตรมาส 3 ปกติก็เป็นโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยว ขาดปัจจัยหนุนหลักต่อเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันในวันนี้ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์กดดันอย่างหนักก่อนการประกาศผลการดำเนิงานไตรมาส 2/66 เพิ่มแรงกดดันตลาด ทำให้ Sentiment แย่ลง ตลาดขาดความเชื่อมั่น ขณะที่ปัจจัยภายนอกไม่ได้เอื้อโดยธนาคากลางสหรัฐ (เฟด) ยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย

ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดตลาดยังซึมลงไร้ปัจจัยหนุน และคาดหวัง Window Dressing น้อยลง เพราะภาพการลงทุนไม่ค่อยดี ฝั่งกองทุนก็ต้องลงทุนอย่างระมัดระวังหลังได้รับผลกระทบจากหุ้น STARK โดยประเมินแนวรับที่ 1,460 และ 1,450 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,475 และ 1,480 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น