xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้บริหารคอยน์เบสเตือนภัยบิ๊กเทค สมรู้ร่วมคิดช่วยรัฐยึดคริปโตประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บาลาจี ศรีนิวาสาน อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีคอยน์เบส เชื่อในอนาคตภาครัฐอาจยึดสินทรัพย์ดิจิตอลเพื่อพยายามฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยที่บรรดาบิ๊กเทคอย่างแอปเปิล กูเกิล และไมโครซอฟท์มีบทบาทสำคัญในการช่วยทำภารกิจนี้

ในการให้สัมภาษณ์รายการพอดแคสต์ “อิมแพคต์ เธียรี” เมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับผลกระทบที่เป็นไปได้จากการที่ประเทศสมาชิกจี7 และจีนมีอำนาจในการยึดสินทรัพย์ดิจิตอล ศรีนิวาสานเตือนว่า บริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ไว้วางใจไม่ได้

นักธุรกิจและนักลงทุนอเมริกันผู้นี้เชื่อว่า ในอนาคต ประเทศต่างๆ อาจตัดสินใจยึดสินทรัพย์ดิจิตอลเพื่อพยายามฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งบริษัทเทคโลยียักษ์ใหญ่อาจช่วยเหลือภาครัฐด้วยการสแกนอุปกรณ์ของผู้ใช้อย่างง่ายดายเพื่อค้นหาและส่งมอบไพรเวทคีย์ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และบอกว่า ความเสี่ยงใหญ่หลวงที่สุดคือการที่บริษัทอินเทอร์เน็ตชั้นนำเหล่านี้สามารถเข้าถึงระบบปฏิบัติการและมีอำนาจในการควบคุมแกดเจ็ตและข้อมูลของผู้ใช้

เขาอธิบายว่า การที่แอปเปิลมีอัปเดตซอฟต์แวร์ กูเกิลสามารถเข้าถึงกูเกิล ไดรฟ์ของผู้ใช้ และไมโครซอฟท์มีวินโดว์ ดังนั้น ในทางทฤษฎีแล้ว หากได้รับคำสั่งจากทางการ บริษัทเหล่านี้สามารถสแกนฮาร์ดไดรฟ์ของผู้ใช้เพื่อค้นหาไพรเวทคีย์และดึงสินทรัพย์ดิจิตอลออกมามอบให้รัฐบาล

ศรีนิวาสานตั้งข้อสังเกตว่า เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (FATF) ได้รับการสนับสนุนจากรัฐมนตรีคลังจี7 ที่ออกแถลงการณ์ร่วมยืนยันความมุ่งมั่นในการกำกับดูแล กำหนดกฎระเบียบ และตรวจสอบสินทรัพย์ดิจิตอลอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งยังย้ำความสำคัญของ travel rule ที่กำหนดให้สถาบันการเงินที่ทำธุรกรรมคริปโตที่มีมูลค่า 3,000 ดอลลาร์ขึ้นไป ต้องเปิดเผยชื่อผู้โอน ที่อยู่วอลเล็ต และข้อมูลบัญชี

นอกจากนั้นเหล่ารัฐมนตรีคลังจี7 ซึ่งตระหนักถึงความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับการจัดการระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFI) และการทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างบุคคล (peer-to-peer) ยังรับรองความพยายามของ FATF ในการจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ ศรีนิวาสานทวิตไว้ตั้งแต่ปี 2021 ว่า จี7 พยายามรักษาสถานะดั้งเดิมและหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ สมาชิกจี7 ทั้งหมดปฏิบัติต่อคริปโตตามกรอบโครงปัจจุบันและกรอบโครงที่กำลังจะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น กฎหมาย Markets in Crypto-Assets (MiCA) ของสหภาพยุโรป (อียู) ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2024 ขณะที่อเมริกากำลังดำเนินการเพื่อให้สินทรัพย์ดิจิตอลอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์

ก่อนหน้านี้ ศรีนิวาสานเคยคาดการณ์ว่า บิตคอยน์อาจพุ่งแตะ 1 ล้านดอลลาร์ใน 90 วันหลังจากวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา โดยออกตัวว่า ไม่ได้มั่นใจ 100% และบางทีอาจต้องใช้เวลา 900 วันหรือแม้แต่ 90 เดือนก็ตาม ก่อนสำทับว่า การคาดการณ์ของตัวเองเป็นสัญลักษณ์การล่มสลายในระบบการเงินสหรัฐฯ

จนถึงล่าสุด การคาดการณ์ของศรีนิวาสานยังห่างไกลความเป็นจริง โดยราคา BTC เคลื่อนไหวอยู่แถวๆ 26,000 ดอลลาร์ กระนั้น ที่ผ่านมามีนักวิเคราะห์หลายคนเคยทำนายเช่นเดียวกันว่า บิตคอยน์จะแตะหลักล้านดอลลาร์ในระยะยาว

ศรีนิวาสานเตือนในอนาคตบิ๊กเทคอาจช่วยภาครัฐยึดสินทรัพย์ดิจิตอลของประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น