พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ เตรียมขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 350 ล้านหุ้น โดยมี บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) และ บล.กสิกรไทย เป็นแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อรุกสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงรับเมกะเทรนด์ที่สำคัญ ตอบสนองความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในภูมิภาคอาเซียนที่คาดการณ์เพิ่ม
นายสินธุ์ ครองพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี.สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) (PSP หรือบริษัทฯ) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่นอิสระรายใหญ่ของประเทศไทยที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 30 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจร ที่พร้อมไขว่คว้าทุกโอกาสเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและไร้ขีดจำกัด’ มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายภายใต้แบรนด์ของลูกค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าทั้งภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมปิโตรเลียม อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าในอาเซียน เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้ศักยภาพจากการมีฐานการผลิตขนาดใหญ่ และการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่จัดหาวัตถุดิบ ออกแบบผลิตภัณฑ์ ผลิตและบรรจุผลิตภัณฑ์ จัดเก็บและศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงการให้บริการจัดการด้านโลจิสติกส์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและส่งเสริมการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันให้ทันต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้นโยบาย ESG ช่วยสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“เรามีความแข็งแกร่งด้านศักยภาพการผลิตและบริการแบบครบวงจรในธุรกิจการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์หล่อลื่น โดย PSP ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ เรายังมีความพร้อม ความเชี่ยวชาญ และให้ความสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมในอนาคต ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ” นายสินธุ์ กล่าว
นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PSP กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่มุ่งคำนึงถึง ESG เช่น แผนเข้าลงทุนในบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการกำจัดและรีไซเคิลสารเคมีใช้แล้ว ให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้เป็นรายแรกของประเทศไทย รวมถึงในอดีตบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนใน WhatEGG ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการด้านแพลตฟอร์ม E-commerce ซื้อขายอะไหล่รถยนต์ แบตเตอรี่และน้ำมันหล่อลื่นสำหรับผู้ประกอบการ (B2B) ภายใต้ชื่อ EGG Mall ตามแผนขยายธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม (New S-curve) ที่สร้างประโยชน์ของการผนึกกำลังผลักดันการเติบโตอย่างเต็มที่ รวมถึงขยายธุรกิจให้บริการขนส่งสู่การบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยมีแผนการพัฒนาไลน์บรรจุแพกเกจจิ้งขนาดเล็กเพื่อลงทุนในระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) สำหรับการพัฒนาระบบการบรรจุสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในอนาคต
นายกีรติ เต็มศิริพงศ์ ผู้จัดการส่วนกลยุทธ์องค์กร PSP กล่าวว่า บริษัทฯ จะมุ่งนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองเทรนด์ของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) เช่น น้ำยาหล่อเย็นแบตเตอรี่ น้ำมันเกียร์และจาระบีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และน้ำมันหม้อแปลงชีวภาพ (Bio Transformer Oil) สำหรับหม้อแปลงไฟฟ้า รวมถึงการพัฒนาจาระบีและน้ำมันหล่อลื่นสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพอร์ตโฟลิโอ จากปัจจุบันที่มีมากกว่า 1,000 สูตร รวมถึงจะมุ่งขยายตลาดไปประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นของประเทศกลุ่มเป้าหมายในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มเป็น 4,000 ล้านลิตรภายในปี 2569 โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายขยายสัดส่วนยอดขายต่างประเทศเพิ่มเป็น 25% ของรายได้รวม ภายในปี 2569 จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 16.5%
นายปิยะ เตชะพิเชฐวนิช ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บัญชีและบริหารความเสี่ยง PSP กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา (2563-2565) มีรายได้รวม (รวมข้อมูลทางการเงินของ U.C. Marketing) 7,566.7 ล้านบาท 10,783.7 ล้านบาท และ 13,204.4 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยปีละ 32.1% ซึ่งมาจากศักยภาพกำลังการผลิตรวมสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) น้ำมันผสมยาง (Rubber Process Oil) และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer Oil) ที่มากที่สุดในประเทศไทยและการให้บริการแบบครบวงจร ทำให้ PSP สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างมีคุณภาพและครบถ้วน ตอบสนองต่อความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนในทุกมิติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 387.3 ล้านบาท 547.6 ล้านบาท และ 546.4 ล้านบาท ตามลำดับ
น.ส.วีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้น IPO กล่าวว่า PSP จะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 350 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาและรออนุมัติแบบไฟลิ่งจากสำนักงาน ก.ล.ต. โดยหากได้รับการอนุมัติแล้วจะดำเนินการกำหนดราคาเสนอขายและวันจองซื้อหุ้น IPO ต่อไป โดยบริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปลงทุนในโรงงานเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการนำระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ นอกจากนี้ยังนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป