นับตั้งแต่เปิดการซื้อขายชั่วคราวเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ทรุดลงมาตลอด พร้อมกับข่าวร้ายที่กระหน่ำซ้ำเติม จนราคาหุ้นไม่มีโอกาสผงกหัวขึ้น
จากราคาที่ลากขึ้นไปสูงสุด 5.10 สตางค์ ในรอบ 12 เดือน ลงมาปิดที่ 2.38 บาท ก่อนถูกตลาดหลักทรัพย์ขี้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินปี 2565 ตามกำหนด จนล่าสุด วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายนปิดที่ 10 สตางค์
หุ้น STARK จะซื้อขายชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ก่อนจะถูกแขวน SP พักการซื้อขายอีกครั้ง จนกว่าบริษัทฯ จะส่งงบการเงินได้ครบถ้วนสมบูรณ์
16 มิถุนายนนี้ ผู้บริหาร STARK นัดส่งงบการเงินปี 2565 ให้ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งไม่มีใครมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะมีโอกาสเห็นงบการเงินเจ้าปัญหา และอาจมีปมหายนะซุกซ่อนอยู่หรือไม่
แต่นักลงทุนได้ตัดสินพิพากษาไปแล้ว ฐานะทางการเงิน STARK เกิดปัญหาเน่าภายใน และบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ตกอยู่ในภาวะล่มสลาย จึงพากันเทขายหุ้นทิ้ง ยอมเฉือนเนื้อ ตัดใจขายขาดทุน ดีกว่าจะไม่เหลือแม้แต่เศษเงินติดมือ
นักลงทุนผู้ถือหุ้นกู้ STARK ทำตามที่ประกาศไว้ บุกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียกร้องขอความช่วยเหลือ และขอให้ตรวจสอบปัญหาทุกกรณีอย่างเร่งด่วน
ขณะที่บริษัท LEONI AG และ LEONI Bordnetz-Systeme GmbH ซึ่งถูก STARK ประกาศยกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้น เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ได้ยื่นเสนอข้อพิพาทเกี่ยวกับการใช้สิทธิเพิกถอนสัญญาซื้อขายหุ้นต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศเยอรมนี เรียกร้องเงินจำนวน 608,000,000 ยูโร หรือประมาณ 22,619 ล้านบาท
LEONI อ้างว่า STARK ได้ละเมิดภาระผูกพันตามสัญญาซื้อขายหุ้น และเรียกร้องให้บริษัทชำระราคาซื้อขายหุ้นภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้นเป็นจำนวนเงิน 598,000,000 ยูโร หรือประมาณ 22,247 ล้านบาท พร้อมทั้งชำระค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นจำนวน 10,000,000 ยูโร (หรือประมาณ 372 ล้านบาท)
STARK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2566 รับทราบให้บริษัทเข้าดำเนินกระบวนพิจารณาข้อพิพาทโดย อนุญาโตตุลาการ เพื่อปกป้องผลประโยชน์โดยชอบของบริษัท และอนุมัติให้ดำเนินการยื่นคำคัดค้านต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศเยอรมนี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะดำเนินการยื่นคำคัดค้านดังกล่าวในวันที่ 19 มิถุนายน 2566
การเรียกร้องค่าเสียหายจากการเบี้ยวสัญญาซื้อขายหุ้นกับ LEONI เป็นตะปูอีกตัวที่ตอกฝาโลง STARK และเป็นอีกข่าวร้ายที่เร่งให้นักลงทุนเทขายทิ้งหุ้น จนราคาปักหัวลงไม่หยุด
LEONI อาจมีโอกาสชนะคดี แต่โอกาสได้รับเงินที่เรียกร้องจำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาท แทบไม่มี
เพราะ STARK อาจเหลือแต่ซาก ไม่มีเงินที่จะใช้หนี้สถาบันการเงิน หรือไถ่ถอนหุ้นกู้ ไม่เหลือทรัพย์สินหลังจากชำระบัญชีที่จะแบ่งเฉลี่ยผู้ถือหุ้น เพราะแทบทั้งหมดถูกผ่องถ่ายออกไปแล้ว
กำไรสะสมจำนวน 7,849 ล้านบาท ที่แสดงไว้ในงบการเงินสิ้นวันที่ 30 กันยายน 2565 อาจเป็นเพียงตัวเลขที่แต่งขั้น โดยบริษัทไม่มีผลกำไรปีละหลายพันล้านบาทจริง
หัวโจกตัวโกงที่จัดฉาก แต่งนิยาย สร้างหนี้เท็จ ข้อมูลเทียมหลอกลวงทุกฝ่าย หอบเงินก้อนโตหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว และไม่รู้ว่า ยังมีผู้ร่วมขบวนการตกค้างอยู่ใน STARK หรือไม่
ราคาหุ้น STARK ที่รูดลงเป็นการสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุนถึงชะตากรรมของบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้
และถ้างบการเงินปี 2565 ประกาศออกมา อาจเป็นวาระสุดท้ายของหุ้น STARK ราคาอาจรูดลงเหลือไม่กี่สตางค์
