xs
xsm
sm
md
lg

i-Store กางแผน 5 ปีปั้น 20 สาขา รับดีมานด์ ‘คอนโดฯ-คนเมือง’ เช่าพื้นที่เก็บของ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ธุรกิจบริการให้เช่าห้องเก็บของหรือทรัพย์สินส่วนตัว เติบโตรับดีมานด์ไลฟ์สไตล์คนเมือง “i-Store Self-Storage” เดินหน้าขยายธุรกิจ กางแผนโรดแม็ป 5 ปี ปั้นสาขาให้ครอบคลุมถึง 20 แห่ง ทั้งในทำเลกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา รวมถึง 30,000 ตร.ม.พร้อมดันบริการรับจ้างบริหารพื้นที่เจาะคอนโดฯ วางเป้าให้ได้ 200 โครงการ เผยปี 66-67 เปิดสาขาเพิ่มรวม 6 แห่ง มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตระดับ 300%

นายภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจบริการให้เช่าห้องเก็บของหรือทรัพย์สินส่วนตัว (Self-Storage) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “i-Store” เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจ Self-Storage ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับตลาดธุรกิจ Self-Storage ในทวีปเอเชียที่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดระดับโลก เช่น สหรัฐฯ และ ยุโรป ด้วยพฤติกรรมการเลือกที่พักอาศัยในเขตเมือง และมีแนวโน้มของพื้นที่อยู่อาศัยลดลง ประกอบกับตลาดธุรกิจออนไลน์ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่การจัดเก็บสินสค้าของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

ซึ่งการเติบโตของธุรกิจ Self-Storage สอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในรอบ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2570) โดยได้วางเป้าหมายที่จะผลักดันธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องการขยายสาขาที่ให้บริการห้องเก็บของ Self-Storage ให้ได้ 20 แห่งกระจายทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และให้บริการในสาขาต่างจังหวัดในหัวเมืองท่องเที่ยวที่มีความหนาแน่นของประชากร เช่น จะมีสาขาในจังหวัดภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งจะทำให้ภายในสิ้นปี 2570 บริษัทจะมีพื้นที่ให้บริการรวม 30,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งสาขาในกรุงเทพฯ จะเป็นพื้นที่หลัก มีสัดส่วนประมาณ 90% และสาขาต่างจังหวัดประมาณ 10% เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพฯ มีความต้องการเช่าห้องเก็บของ ตามการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม

ในส่วนของการขยายพื้นที่ให้บริการ Self-Storage ไปพื้นที่โครงการคอนโดมิเนียมนั้น ตามแผน 5 ปี วางเป้าหมายที่จะรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่ (Storage Management) และการติดตั้งและจำหน่ายตู้จัดเก็บของให้พื้นที่โครงการคอนโดฯ หรือนิติบุคคลอาคารชุด ให้ได้ 200 โครงการ


สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2566 ต่อเนื่องถึงปี 2567 นั้น นายภักดี กล่าวว่า ในครึ่งหลังของปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ สาขาอุดมสุข และสาขาอ่อนนุช และเริ่มเปิดให้บริการต้นปี 2567 เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนเมืองที่มีแนวโน้มการอยู่อาศัยของประชากรอย่างหนาแน่น และในโซนดังกล่าวมีอสังหาฯ แนวสูงในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทประมาณ 150 โครงการ ปัจจุบันบริษัทมี 4 สาขาที่เปิดให้บริการ ได้แก่ สาขาสีลม อัตราการเช่า 98% สาขาสุขุมวิท 24 อัตราการเช่า 93% สาขาสุขุมวิท 71 อัตราการเช่า 57% และสาขาใหม่ สาทรวัน เปิดให้บริการในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อัตราการเช่าอยู่ในระดับที่ดีประมาณ 10% ทั้งนี้ ลูกค้าที่มาใช้บริการของบริษัทจะมีสัญญาเช่านานประมาณ 6 เดือน ซึ่งจะมีลูกค้าชาวต่างชาติสัดส่วนถึง 51% และคนไทยประมาณ 49%

“สาขาที่เปิดในปีนี้และต่อเนื่องปี 2567 จะทำให้มีสาขารวม 6 แห่ง พื้นที่ให้บริการประมาณ 7,000 ตร.ม. และคาดว่าปีหน้า ตัวเลขพื้นที่ให้บริการจะแตะระดับ 10,000 ตร.ม.ได้ ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างมากของบริษัท และอยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปบริหารพื้นที่ให้โครงการคอนโดฯ ประมาณ 20 แห่ง และจากกลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้ จะมีส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ในปีนี้ระดับ 80-100 ล้านบาท มีการเติบโตอยู่ระดับร้อยละ 200” นายภักดี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น