ตลท.ออกโรงยันไม่มีอำนาจตรวจสอบ "สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น" โบ้ยให้เป็นหน้าที่ ก.ล.ต. ขณะ"วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ DSI-บก.ปอศ. สอบเหตุทุจริตอดีตผู้บริหาร STARK ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด พร้อมติดตามเอาทรัพย์สินที่ถูกกระทำโดยทุจริตคืนให้บริษัท แจงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด ตามที่ ก.ล.ต. ร้องขอ หวั่นเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม ด้าน บลจ.กรุงไทย ออกโรงแจงขายหุ้นทยอยขายหุ้น STARK เกือบทั้งหมดเมื่อปี 65 ยันไม่ส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุนแต่อย่างใด เผยปัจจุบัน KTAM ถือครองเพียงใบสำคัญแสดงสิทธิของ STARK ซึ่งเป็นสัดส่วนถือครองที่ไม่มีนัยสำคัญ
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เผยว่า ในกรณีของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK เพราะ ตลท. ไม่ได้มีอำนาจในการตรวจสอบข้อมูลแต่อย่างใด คนที่มีสิทธิคือทางหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจในการตรวจสอบความผิดปกติ อย่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. ที่เป็นคนเห็นข้อมูลการเงินของบริษัทก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงส่งให้ทาง ตลท. ในการแจ้งข้อมูลให้นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้นให้ทราบโดยพร้อมกัน โดย ตลท. จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่จะไม่มีสิทธิ์ไปบังคับหรือเรียกร้องได้เลย ทำได้เพียงติดป้ายเตือนหน้าหุ้น และแจ้งให้ส่งงบการเงินให้ครบถ้วน
ทั้งนี้ในการเปิดให้ STARK เทรดในวันที่ 1 มิ.ย.66 เป็นการให้โอกาสทางบริษัทได้ชี้แจ้งข้อมูล และส่งงบการเงินตามที่ได้แจ้งกับทาง ก.ล.ต. ในวันที่ 16 มิ.ย.66 โดยทางบริษัทจะต้องส่งงบในงวดปี 65 และไตรมาสแรกปี 66 ถ้าส่งครบทุกอย่างเรียบร้อย อาจมีการพิจารณาให้เปิดทำการซื้อขายต่อไป ซึ่งยังไม่มีอะไรรับประกันว่า STARK จะส่งงบตามที่แจ้งไว้หรือไม่ หากไม่สามารถส่งงบได้ทันในเดือน มิ.ย.66 ก็จะสั่งยุติการเทรด
"วนรัชต์" ร้องสอบทุจริตอดีตผู้บริหาร STARK**
นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัทได้รับทราบจากหนังสือของผู้สอบบัญชีรายบริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮ้าส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด ว่าผู้สอบบัญชีได้ตรวจพบพฤติการณ์อันควรสงสัยในประเด็นการดำเนินงาน และได้ปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการผู้จัดการ และหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทตามนัยมาตรา 89/25 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2565และประธานกรรมการตรวจสอบของบริษัทได้มีหนังสือแจ้งสำนักงาน ก.ล.ต. ถึงการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชี และการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit)
ล่าสุด บริษัทได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญซาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก) เพื่อให้สืบสวนและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจนถึงที่สุด รวมถึงบริษัทได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึกประกอบการสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) โดยบริษัทได้ให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท ผู้ถือหุ้น ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับบริษัท
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงการดำเนินการขั้นต้น บริษัทมีความเชื่อมั่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาซญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ว่าจะสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีลงโทษได้ตามกฎหมาย ตลอดจนสามารถติดตามเอาทรัพย์สินที่ถูกกระทำโดยทุจริตจากผู้กระทำความผิดคืนกลับให้แก่บริษัท เพื่อเป็นการเยียวยาบรรเทาความเสียหายที่บริษัทได้รับ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากขณะนี้กระบวนการทางกฎหมายอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางบริษัทจึงยังไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงหรือเปิดเผยรายละเอียดตลอดจนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามที่ สำนักงานก.ล.ต. ได้ขอให้บริษัทให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวได้
โดยการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ตลอดจนพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่นั้นย่อมทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนอาจเป็นเหตุทำให้ไม่สามารถนำตัวกระทำความผิดมาดำเนินคดีได้ ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าและข้อมูลเท่าที่เปิดเผยได้ (ตามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) ให้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. และผู้ที่เกี่ยวข้องทราบเป็นระยะในภายหลังต่อไป
****KTAMทยอยขายหุ้น STARK ออกเกือบทั้งหมด **
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ชี้แจงว่า เดิม บลจ.กรุงไทย ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน STARK ที่มีความประสงค์ไปลงทุนในต่างประเทศ แต่ภายหลังจาก STARK ได้เปลี่ยนความตั้งใจที่จะไม่ลงทุนในต่างประเทศ ดังนั้น เมื่อบลจ.กรุงไทย ได้รับทราบข่าวและเห็นว่าบริษัทไม่ทำตามวัตถุประสงค์เดิมที่จะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ จึงทำให้ บลจ.กรุงไทย ตัดสินใจทยอยขายหุ้น STARK เกือบทั้งหมดภายในปี 65 ซึ่งไม่ส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุนแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบัน บลจ.กรุงไทย ถือครองเพียงใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ของ STARK ซึ่งเป็นสัดส่วนถือครองที่ไม่มีนัยสำคัญ (เป็นการได้มาตามสิทธิในอดีตโดยไม่มีต้นทุน)
ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทย ขอยืนยันว่าการบริหารพอร์ตการลงทุนคำนึงถึงความเสี่ยงทั้งในด้านการกระจายการลงทุน ความผันผวนของราคา และปริมาณการซื้อขายของหุ้นแต่ละตัวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สอดคล้องกับผลตอบแทนที่คาดไว้ ตลอดทั้งยังมีการติดตามข่าวสารและผลการดำเนินการของบริษัทที่ลงทุนเป็นประจำ โดยยึดผลประโยชน์ของนักลงทุนเป็นหลัก พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร บลจ.จะยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาผลประโยชน์ และคัดสรรสิ่งที่ดีโดยคำนึงถึงนักลงทุนอยู่เสมอ
อนึ่ง STARK แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่ามีความจำเป็นต้องนำส่งงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ล่าช้ากว่ากำหนด จนเป็นเหตุให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP (การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว) จนทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตลาดฯได้เปิดซื้อขายหุ้น STARK ชั่วคราว (1-30 มิ.ย.)
สำหรับราคาหุ้น STARK วานนี้ปิดที่ 0.18 บาท ลดลง 0.04 บาทหรือ 18.18% มูลค่าซื้อขาย 194.26 ล้านบาท ระหว่างวันราคาหุ้นปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 0.21 บาท ต่ำสุดที่ 0.17 บาท