“พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น” คาดแนวโน้มไตรมาส 2 เติบโตดี เดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานใหม่เต็มพิกัด ผู้บริหารมั่นใจรายได้ปีนี้โตต่อเนื่อง ระบุตุนงานในมือ (Backlog) สิ้นไตรมาสแรกอยู่ที่ 1.99 พันล้านบาท และเห็นศักยภาพในการเติบโต หลัง Tesla มีแผนจะขยายสถานีชาร์จ หนุนโอกาสสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมยืนเป้ารายได้ 3 ปีข้างหน้า (2566-2568) แตะ 6,000 ล้านบาท
นายอมร แดงโชติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PCC เปิดเผยว่า คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/2566 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง และ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 งานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1.99 พันล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 4,860 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ยังมีโอกาสการเติบโตตามอุตสาหกรรม เช่น โครงการเปลี่ยนมิเตอร์จากจานหมุน ให้เป็นสมาร์ทมิเตอร์ ซึ่งเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดย กฟภ.มีแผนจะเปลี่ยนมิเตอร์จำนวน 18 ล้านเครื่องภายใน 7 ปี หรือระหว่างปี 2565-2571 ซึ่งคาดว่าปีนี้เปิดประมูลราว 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลดังกล่าว เพื่อสร้างการเติบโตของบริษัทฯ อย่างแข็งแกร่ง
รวมถึงระบบไฟฟ้าในอนาคตที่ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสามารถตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการที่มีจำนวนรถไฟฟ้า (EV) และสถานีชาร์จ (Charging Station) รวมถึงการลงทุน Solar cell จากบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นที่ระบบไฟฟ้าย่อมจะต้องมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งบริษัทฯ ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจโซลูชันครบวงจรของระบบ Smart Grid หรือ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยครอบคลุมตั้งแต่การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีทั้งห่วงโซ่ของระบบไฟฟ้าตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การส่งไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้า ไปจนถึงภาคส่วนของผู้บริโภค ได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการสื่อสารในการเก็บข้อมูลและทำการสั่งการควบคุม ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเห็นโอกาสการเติบโตจากการที่ Tesla มีแผนจะขยายสถานีชาร์จ Tesla Supercharger ซึ่งในไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับงานจาก Tesla แล้วในการติดตั้งระบบ จำนวน 2 สถานีชาร์จ
“เรายังคงยังคงเป้าหมายแผนธุรกิจ 3 ปี (2566-2568) รายได้แตะ 6,000 ล้านบาท จากการลงทุนด้านสมาร์ทกริดที่เพิ่มขึ้นทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างแน่นอน” นายอมร กล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,052.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.30% เมื่อเทียบจากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 783.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ 75.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.16% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 64.26 ล้านบาท