ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เพื่อสนับสนุนการเข้าจดทะเบียนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการประกอบธุรกิจภายใต้โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Model) โดยขยายให้ครอบคลุมถึงบริษัทขนาดกลาง และบริษัทต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโต ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของประเทศในการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลท.ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรับหุ้นสามัญเพื่อสนับสนุนการเข้าจดทะเบียนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สอดคล้องกับ BCG Model เพื่อให้สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยขยายให้ครอบคลุมถึงบริษัทไทยขนาดกลาง และบริษัทต่างประเทศขนาดใหญ่ที่มีการสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย ไม่จำกัดเฉพาะบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เท่านั้น
โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นบริษัทที่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำหนด ได้แก่ การเกษตรและอาหารขั้นสูง เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การต่อยอดทางการแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ยานยนต์สมัยใหม่ การบินและโลจิสติกส์ ดิจิทัลและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ทั้งนี้ ให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถเข้าจดทะเบียนใน SET และ mai ด้วยเกณฑ์มูลค่าหุ้นสามัญตามราคาตลาด (Market Capitalization Test) เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งระดมทุนในตลาดทุนของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต นำไปสู่การขยายตัวของเศรษฐกิจ
การปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้บริษัทที่ประกอบธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมี Market Capitalization ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาทสำหรับ SET หรือ 2,000 ล้านบาทสำหรับ mai และมีคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่กำหนด สามารถยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนใน SET และ mai ได้ โดยมีการกำหนดเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่ง ตลท.จะกำหนดแนวทางในการพิจารณากลั่นกรองบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำหนดเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจรับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อไป
หลักเกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป