ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในการประชุมเดือนสิงหาคมและกันยายนนี้ สู่ระดับ Terminal rate ที่ 2.5% หลังจากที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วในการประชุมวันนี้ 31พ.ค.) โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อของไทยที่แม้จะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสูง (Upside risks) จากการส่งผ่านต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการไปยังผู้บริโภคที่จะคาดว่ายังอยู่ในระดับสูงตลอดปีนี้ และยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้าตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นโยบายการเงินไทยจึงมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับปกติที่เหมาะสมกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ย Neutral rate ของไทยล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับศักยภาพและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท. นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real interest rate) ของไทยยังคงติดลบต่อเนื่อง ซึ่งการที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำเกินไปจะก่อให้เกิดความไม่สมดุลในระบบเศรษฐกิจ และเป็นการสะสมความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว
ดังนั้น กนง. จึงมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังระดับที่บทบาทนโยบายการเงินเป็นกลางมากขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจ และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับดังกล่าวเพื่อให้กลไกดอกเบี้ยนโยบายส่งผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจต่อไป ทั้งนี้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงไปจากที่ประเมินไว้ในปัจจุบัน กนง. อาจไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องจนไปสู่ระดับ Neutral rate ได้ในช่วงวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ แต่อาจต้องปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เปลี่ยนไปแทน
ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีมติเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี สู่ระดับ 2.00% ต่อปี ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 โดยมีความเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อด้านสูง
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ซึ่งจากท่าทีของ กนง. ที่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้บ่งชี้ว่า มีความกังวลชัดเจนเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานสูง โดยระบุถึงความเสี่ยงด้านขาขึ้นของการเติบโตภายในประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แม้จะระบุว่ายังคงต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยยังมีความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังอยู่ในระดับสูง กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.0% แต่ยอมรับว่ายังมีความเสี่ยงที่ กนง. อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ และปัจจัยทางการเมือง
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า กนง. มีโอกาสคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปเพื่อรอดูความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายทางเศรษฐกิจของภาครัฐ และอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 2.25% ในช่วงปลายปี จากความกังวลต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและมีความเสี่ยงด้านสูง อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอาจเป็นปัจจัยหนุนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.