"เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล" จัดทัพองค์กรฝ่ายบริหารสร้างความต่อเนื่องในการขยายธุรกิจและรับมือการแข่งขัน ประกาศแต่งตั้ง “วิชัย ศุภสาธิตกุล” ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ ดูแลภาพรวมธุรกิจ เพื่อรับไม้ต่อจากซีอีโอคนปัจจุบันที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง แต่ยังคงเป็นกรรมการบริษัทฯ พร้อมตั้ง “พัฒนพงษ์ ผาทอง” กรรมการบริษัทฯ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ดูแลการปฏิบัติงาน มีผล 1 กรกฎาคมนี้
บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG แจ้งว่าในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ ที่จะครบวาระตามสัญญาจ้างในการดำรงตำแหน่งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม นางสุธารทิพย์ จะยังคงเป็นกรรมการบริษัทฯ ต่อไป เพื่อร่วมดูแลการดำเนินงานของฝ่ายจัดการให้เป็นไปตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้
ขณะเดียวกัน เพื่อให้มีความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ตามที่กล่าวมาข้างต้น บริษัทฯ จึงแต่งตั้งให้ นายวิชัย ศุภสาธิตกุล ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ เพื่อดูแลภาพรวมธุรกิจและขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย พร้อมกันนี้ ได้แต่งตั้งนายพัฒน์พงษ์ ผาทอง กรรมการบริษัทฯ รับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ต่อจากนายวิชัย เพื่อดูแลการปฏิบัติงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์องค์กร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นายพัฒน์พงษ์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฯ และถือเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และความรู้ความสามารถ โดยจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา และระดับปริญญาโท จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังเป็นกรรมการและผู้บริหารระดับสูงอีกหลายบริษัท จึงสามารถนำประสบการณ์มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งแก่บริษัทฯ และร่วมผลักดันเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ให้เป็นไปตามแผน
การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงทั้ง 2 ท่านครั้งนี้ จะสร้างความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายขยายธุรกิจ โดยจะร่วมกันกำหนดทิศทางและบริหารงานเพื่อสร้างการเติบโต ด้วยการรุกขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์สินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีโอกาสและศักยภาพขยายตัวได้อีกมาก เพื่อให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 55-60% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 39% ของพอร์ตสินเชื่อรวม เพิ่มเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีจำนวนกว่า 6,500 ราย และขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 14,400 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยใช้จุดแข็งจากการมีเครือข่ายผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองและพนักงานที่เป็นคนในท้องถิ่น จึงมีความเข้าใจพฤติกรรมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นปัจจัยในการสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน