ไทยเรยอน ไตรมาสแรกปีนี้กำไรหายไป 2,821.04 ล้านบาท เหลือเพียง 682.67 ล้านบาท ลดลง 80.51% จากปีก่อนที่ทำไว้ 3,503.71 ล้านบาท เพราะการผลิตลดลงตามปริมาณการสั่งซื้อจากทั่วโลกต่ำลง ขณะต้นทุนพุ่งจากราคาวัตถุดิบเพิ่ม อีกทั้งกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมต่ำลงมาก
นายซานโตส พาทิ ตริปาธี รองประธาน (ฝ่ายการเงินและพาณิชย์) บริษัท ไทยเรยอน จำกัด (มหาชน) หรือ TR แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ว่ามีกำไรสุทธิ 682.67 ล้านบาท ลดลงจากงวดนี้ปีก่อนที่ทำได้ 3,503.71 ล้านบาท หรือลดลง 2,821.04 ล้านบาท คิดเป็น 80.51%
เนื่องจากบริษัทเผชิญกับความต้องการเส้นใยเรยอน (VSF) ทั่วโลกที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้คำสั่งซื้อจากลูกค้าทั่วโลกลดลงอย่างมากเช่นกัน ทำให้บริษัทปรับการเดินสายการผลิตเพียง 2 สายการผลิต จากทั้งหมด 5 สายการผลิตในระหว่างไตรมาส 2 และ 3 ของงบการเงินปี 2566 เพราะความต้องการ VSF ที่ลดลง ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงวัตถุดิบและสารเคมี เช่น เยื่อกระดาษ โซดาไฟ กำมะถัน พลังงาน และไอน้ำที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ความต้องการ VSF มีการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 ปี 65 ทำให้ปัจจุบันบริษัทเดินสายการผลิตทั้งหมด 5 สายการผลิตตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 66
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาสแรกลดลงเพราะรายได้ลดลง 2,236 ล้านบาท หรือ 21% จากปริมาณการขายที่ลดลงจาก 10,554 ล้านบาทในไตรมาสแรกปี 65 เหลือ 8,318 ล้านบาทในไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนรายได้ดอกเบี้ยลดลง 1.4 ล้านบาท หรือ 53% เพราะจำนวนเงินฝากที่ลดลงในระหว่างงวดเมื่อเทียบกับงวดนี้ปีก่อน นอกจากนี้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง 126 ล้านบาท หรือ 91% เนื่องจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรอง ต้นทุนลดลงจากปริมาณการผลิตที่ลดลง
สำหรับส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่ใช้วิธีส่วนได้เสียลดลง 1,722 ล้านบาท หรือ 57% เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมบางแห่งลดลง ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณขายลดลง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 20% เนื่องจากปริมาณการขายที่ลดลง และราคาวัตถุดิบที่นำเข้าสูงขึ้น ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 33% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทร่วมและปริมาณการขายลดลง
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายลดลง 775 ล้านบาท หรือ 50% เนื่องจากปริมาณขายลดลง ส่งผลให้อัตราขนส่งทางทะเลต่ำลง
