“คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์” ต่อยอดความสำเร็จมิกซ์ยูสริมน้ำ “เจ้าพระยา เอสเตท” เดินหน้าก่อสร้างมิกซ์ยูสใหม่บนที่ดิน 23 ไร่ใจกลางพระราม 3 ผสานโรงเรียนนานาชาติ-คอนโดฯ หรู มูลค่ารวม 14,200 ล้าน ลุยนำร่องก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม พร้อมหลักสูตรระดับเวิลด์คลาส คาดเปิดสอนปีการศึกษาแรกในปี 2568 หนุนสร้างรายได้และเสริมแกร่งให้บริษัทในระยะยาว
นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CGD เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่การพัฒนาโครงการเจ้าพระยา เอสเตท (Chao Phraya Estate) โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-use) ระดับเมกะโปรเจกต์ริมแม่น้ำ มูลค่าโครงการรวมกว่า 32,000 ล้านบาท ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นซ์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Private Residences Bangkok) โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) และโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ (Four Seasons Hotel Bangkok) ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริษัทจึงได้ต่อยอดความสำเร็จสู่การเดินหน้าพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่แห่งใหม่บนถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ในย่านพระราม 3 ประกอบด้วย โรงเรียนนานาชาติ และโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 14,200 ล้านบาท โดยตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในส่วนของโรงเรียนนานาชาติแล้ว
“ที่ผ่านมา เราภาคภูมิใจอย่างมากที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกหลากหลายแบรนด์ มาร่วมกันสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมย่านเจริญกรุง ผ่านโครงการเจ้าพระยา เอสเตท จนกลายเป็นหนึ่งในไอคอนของย่านที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยและการพักผ่อนแบบเหนือระดับ วันนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างปรากฏการณ์แบบเดียวกันอีกครั้งบนย่านพระราม 3 เริ่มต้นด้วยโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม” นายเบน กล่าว
ล่าสุด บริษัทได้วางศิลาฤกษ์เพื่อเริ่มการก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 (Rama III International School) ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียม ภายในมิกซ์ยูสดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยโรงเรียนดังกล่าวจะประกอบด้วยอาคาร จำนวน 6 อาคาร ออกแบบให้ทันสมัย รองรับนักเรียนได้ราว 1,700 คน เปิดสอนตั้งแต่อายุ 2-18 ปี หรือเตรียมอนุบาล ถึง เกรด 12 (ชั้นเตรียมอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลาย) ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนที่โดดเด่นระดับเวิลด์คลาส ผสานกับการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมนอกหลักสูตร (Co-curricular program) เพื่อเตรียมความพร้อมนักเรียนให้สอดคล้องกับมาตรฐานการรับเข้าศึกษาต่อของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาจีนแมนดาริน ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแบรนด์โรงเรียนและผู้ดำเนินธุรกิจโรงเรียน (School Operator) รอบสุดท้าย คาดว่าจะมีการประกาศให้ทราบได้เร็วๆ นี้
นายเบน กล่าวอีกว่า พระราม 3 นับเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อการเดินทางสู่พื้นที่สำคัญได้ง่ายและหลากหลายทั้งย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และแหล่งงานขนาดใหญ่อย่างสีลม-สาทร อโศก-สุขุมวิทตลอดจนอยู่ใกล้ทางด่วนและสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมเชื่อมต่อไปได้ถึงจังหวัดสมุทรปราการ ขณะเดียวกัน ยังเป็นทำเลใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา มีชุมชนและโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อประกอบกับความเชี่ยวชาญของบริษัทในการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโรงเรียนนานาชาติซึ่งแตกต่างจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นๆ ในไทย เชื่อว่าจะช่วยพลิกโฉมย่านพระราม 3 และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
“บริษัทมีความมุ่งมั่นอย่างมากกับการเดินหน้าพัฒนาโครงการด้านการศึกษา โดยโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 นี้ถือเป็นการพัฒนาโครงการด้านการศึกษาแห่งที่ 2 ของเรา โดยที่ผ่านมาเราได้ร่วมกับ Nord Anglia Education หนึ่งในองค์กรชั้นนำด้านโรงเรียนนานาชาติระดับพรีเมียมของโลกเพื่อเปิดดำเนินการ Oxford International College Brighton ซึ่งถือเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Sixth Form School) ชั้นนำของสหราชอาณาจักร บนพื้นที่ 20.2 เอเคอร์ บริเวณ Ovingdean Hall ของบริษัทที่ Greenway Brighton สหราชอาณาจักร โดยมีกำหนดการเปิดเรียนประมาณเดือน ก.ย.นี้ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรระดับเวิลด์คลาสและพัฒนาโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 ถือเป็นการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกของเราในไทย และเป็นแฟล็กชิปการลงทุนด้านการศึกษาของคันทรี่กรุ๊ป” นายเบน กล่าว
ปัจจุบัน โรงเรียนนานาชาติถือเป็นที่ต้องการของหลากหลายตลาดในไทย ได้แก่ 1.ตลาดกลุ่มผู้ปกครองชาวไทยที่ต้องการให้บุตรหลานได้เข้าเรียนในหลักสูตรที่มีคุณภาพ มีสังคมสภาพแวดล้อมที่ดีเอื้อต่อพัฒนาการของเด็ก 2.กลุ่มครอบครัวชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) โดยเฉพาะชาวจีนที่ปัจจุบันพาครอบครัวเข้ามาอาศัยในไทย 3.กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) ที่นิยมส่งบุตรหลานมาศึกษาในประเทศไทยเพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของการศึกษา สภาพแวดล้อมที่ดี และค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า ขณะที่ธุรกิจโรงเรียนนานาชาติในไทยมีการเติบโตเฉลี่ยถึงราว 10% ต่อปี บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติพระราม 3 จะช่วยสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่บริษัทได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วง ส.ค.2568
ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้มิกซ์ยูสดังกล่าวนั้นอยู่ระหว่างขั้นตอนการเตรียมการพัฒนา คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของโครงการ และเริ่มเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 นี้