xs
xsm
sm
md
lg

GFC เตรียมขาย IPO 60 ล้านหุ้น เข้า mai

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




"เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์" เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ปีนี้ ระดมทุนเพื่อขยายสาขา หวังรองรับการเพิ่มขึ้นของภาวะมีบุตรยากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในอนาคต สอดรับแผนการสยายปีกสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน


นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าว ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ หรือ GFC เปิดเผยว่า GFC เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2566 ในหมวดธุรกิจบริการ ซึ่ง GFC ถือเป็นหนึ่งในผู้นำให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากรายแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยปัจจุบัน GFC มีทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 160 ล้านหุ้น และภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทัพย์ฯ จะมีหุ้นสามัญเพิ่มเป็น 220 ล้านหุ้น และมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพความเชี่ยวชาญและความทุ่มเทในการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยากของ GFC สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจใน 3 ปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2563 ถึงปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 214.42 ล้านบาท 242.12 ล้านบาท และ 275.91 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้จากการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ สอดคล้องกับจำนวนผู้เข้ามารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI เป็นรายได้หลัก

นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ (GFC) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถโอกาสการเติบโตในอนาคต สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ภายใต้นวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย

โดยจะเห็นได้จากการนำเทคโนโลยี Early Embryo Viability Assessment (EEVA) ซึ่งเป็นการนำระบบ AI จากประเทศสหรัฐอเมริกามาช่วยประเมินตัวอ่อน ซึ่งเป็นที่แรกในประเทศไทยในปี 2563 โดยได้พัฒนาให้สามารถแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับตัวอ่อน และวิเคราะห์คุณภาพของตัวอ่อนอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ ซึ่งสอดรับกับวิสัยทัศน์การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ที่มีความมั่นคง ยั่งยืน และยึดมั่นในหลักจริยธรรม

ทั้งนี้ เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้ลงทุนขยายคลินิก GFC สาขาสุวรรณภูมิ พระราม 9 ตลอดจนการลงทุนในสาขาย่อยอื่นๆ ตามพื้นที่ต่างจังหวัดที่มีศักยภาพและมีฐานลูกค้าผู้มีบุตรยาก เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับการเพิ่มศูนย์ฝึกอบรมนักเทคนิคการแพทย์ ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตัวสำหรับรองรับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เข้ารับบริการรักษาภาวะมีบุตรยากทั้งชาวไทยและที่เป็นชาวต่างชาติในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของกลุ่มบริษัทฯ

สำหรับบริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ หรือ GFC เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของประเทศไทย ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษา ตลอดจนการเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม โดยทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ปัจจุบันบริษัทฯ มีบริษัทย่อย จำนวน 2 บริษัท (กลุ่มบริษัท) 1) บริษัท จีโนโซมิกส์ จำกัด (GSM) ดำเนินธุรกิจการให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (Next generation sequencing : NGS ) และ 2) บริษัท จีเอฟซี เฟอร์ทิลีตี กรุ๊ป จำกัด (GFCFG) เป็นบริษัทโฮลดิ้ง (holding company) จัดตั้งขึ้นเพื่อลงทุนในกิจการอื่นที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ หรือสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

ขณะธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) การให้บริการตรวจเบื้องต้นก่อนให้คำแนะนำหรือรักษา 2) การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี IUI (Intrauterine insemination) 3).ฝ การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) 4) การให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน (Next generation sequencing : NGS) และ 5) การให้บริการแช่แข็งไข่และการฝากไข่ สำหรับลูกค้าของกลุ่มบริษัทฯ ประกอบด้วย กลุ่มลูกค้าผู้ที่วางแผนการมีบุตรในอนาคต กลุ่มลูกค้าคู่สมรสคนไทยที่สนใจอยากมีบุตร กลุ่มลูกค้าคู่สมรสคนไทยกับชาวต่างชาติที่สนใจอยากมีบุตร และกลุ่มลูกค้าคู่สมรสชาวต่างชาติที่สนใจอยากมีบุตร


กำลังโหลดความคิดเห็น