xs
xsm
sm
md
lg

EVER ปี 66 รุกขยายแนวราบเต็มสปีด ทุ่ม 2 พันล้าน ผุดโครงการใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เอเวอร์แลนด์" กางแผนปี 66 ลุยตลาดอสังหาฯ ขยายพอร์ตแนวราบต่อเนื่อง ชี้เป็นตลาดเรียลดีมานด์ เตรียมเปิดใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในโครงการซิลเวอร์เลค วินด์ จำนวน 177 ยูนิต และ แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" โครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต โชว์ Backlog กว่า 1,000 ล้านบาท หนุนผลงานโตแกร่ง

นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตของกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ประกอบกับการตอบรับที่ดีจากการเปิดขายโครงการแนวราบ-บ้านเดี่ยวโครงการซิลเวอร์เลค วินด์ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” และเพิ่มเติมในโครงการที่เป็นทาวน์โฮม-บ้านแฝด ในโครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" ซึ่งจะเปิดโครงการและเปิดขายตามมา เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้อย่างลงตัว

โดยในปี 2566 บริษัทฯ เตรียมเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในโครงการซิลเวอร์เลค วินด์ จำนวน 177 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99-15 ล้านบาทต่อแปลง คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม 2566 และโครงการแนวราบ แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" โครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 ล้านบาทต่อแปลง คาดว่าจะทยอยเปิดขายในช่วงปลายปี เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566

“จากการประเมินสถานการณ์ต่างๆ ในตลาดอสังหาฯ เชื่อว่าในปีนี้แนวราบยังเติบโตได้ดี ความต้องการยังมีสูง ขณะที่แนวราบของ EVER เองได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี โครงการแนวราบที่เปิดขายที่ผ่านมาทยอยขายและปิดการขายได้ รวมถึงทาวน์โฮมเช่นกัน ส่วนแนวสูงย่านสนามบินน้ำแม้จะไม่คึกคักแต่ยังมีการเข้าชมโครงการและทยอยขายได้ ซึ่ง EVER ให้ความสำคัญกับการออกแบบ โดยชูจุดเด่น ความคุ้มค่า รวมถึงขนาดของโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการใช้พื้นที่ทำให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น รวมการจัดโปรโมชันที่มีอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวสูง และแนวราบ” นายสวิจักร์ กล่าว

ประธานกรรมการ EVER กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ปีนี้ถึงปีหน้าสนับสนุน รวมทั้งเตรียมความพร้อม กำหนดกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความเสี่ยง หรือโอกาสของธุรกิจที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน ในส่วนธุรกิจโรงพยาบาล จำนวน 3 แห่ง มีทิศทางที่ดีขึ้น จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ยอดผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/66 มีรายได้รวม 300 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น