หุ้นไทยร่วงต่อเนื่อง 3 วันติดต่อกัน ปิดตลาด - 17.10 จุด โบรกฯ ชี้ ตลาดหุ้นเผชิญแรงกดดันการเมืองที่ตึงเครียดจากความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศประเด็นเพด้านหนี้สหรัฐก็ยังไม่มีความคืบหน้า ประเมินแนวโน้มการลงทุนวันพรุ่งนี้ ลุ้นรีบาวด์ แนวรับแรกที่ 1,518-1,507 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,485-1,456 จุด แต่หากไม่หลุด Low เดิม คาดเด้งกลับแนวต้านที่ 1,533 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 พ.ค. 2566 ปรับตัวลดลง -17.10 จุด หรือ -1.11% โดยปิดตลาดที่ 1,522.74 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,401.27 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดตลาดในภาคเช้า และเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,543.63 จุด ในทางกลับกันปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,517.21 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 105 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 135 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 399 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -4,439.34 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +3,763.53 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +464.58 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +211.22 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,439.11 ล้านบาท ปิดที่ 72.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 3,239.91 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท ลดลง 1.75 บาท
3.GULF มูลค่าการซื้อขาย 2,057.08 ล้านบาท ปิดที่ 48.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
4.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,837.24 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,827.05 ล้านบาท ปิดที่ 103.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่215.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.94%
2.SCC ปิดที่339.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 0.59%
3.MEGA ปิดที่38.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.65%
4.JMT ปิดที่ 42.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.82%
5.TCAPปิดที่48.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.58%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่240.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.64%
2.SAWAD ปิดที่52.50บาท ลดลง 3.75บาท หรือ 6.67%
3.PTTEP ปิดที่144.50บาท ลดลง 3.50บาท หรือ 2.36%
4.CENTEL ปิดที่49.25บาท ลดลง 2.50บาท หรือ 4.83%
5.CPN ปิดที่67.50บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ 3.23%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,051.71 จุด ลดลง -26.42 จุด หรือ -1.27% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 922.93 จุด ลดลง -11.42 จุด หรือ -1.22% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 488.04 จุด ลดลง -6.65 จุด หรือ -1.34%
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ โดยในประเทศเป็นผลจากความไม่แน่นอนว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ขณะที่ต่างประเทศ การหารือขยายเพดานหนี้สหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน และนักลงทุนต่างชาติยังเทขาย เพื่อปรับพอร์ต จากความเสี่ยงตลาดหุ้นไทยยังมีเพิ่มขึ้น บวกกับทางเทคนิคไม่มีสัญญาณรีบาวด์ด้วย หลังจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ยังต้องจับตาลุ้นดัชนี SET จะสามารถรีบาวด์ได้หรือไม่ หากไม่สามารถรีบาวด์ได้ มีโอกาสปรับตัวลงต่อ แนะจับตา SET หากร่วงลงทำจุดต่ำสุดใหม่ มองเป็นสัญญาณไม่ค่อยดี
"มองแนวรับไว้ที่ 1,518-1,507 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุด (Low)เดิม หากรับไม่อยู่คาดลงแรง ให้แนวรับถัดไปที่ 1,485-1,456 จุด หากไม่หลุดแนวรับแรก คาดมีแรง follow Buy ให้แนวต้านไว้ที่ 1,533 จุด" นายถนอมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย