นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวถึงการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า ตลาดทุนต้องการความแน่นอนหลังจากการเลือกตั้งมากกว่าจะสนใจว่าพรรคใดจะเป็นผู้ชนะ เนื่องจากหากเลือกตั้งเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ตลาดจะเกิดความผันผวนจากความกังวลใจของนักลงทุน แต่หากได้รัฐบาลที่มั่นคง มีนโยบายชัดเจน เชื่อว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นไปได้ เพราะจะเป็นจุดกำหนดความเข้มแข็งของตลาดทุนไทยในระยะต่อไป
"มองว่ารัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ หรือมีเสถียรภาพไม่มากจะสร้างความกังวลใจต่อตลาดทุนอย่างมาก ต้องติดตามดูหลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จว่าจะเป็นอย่างไร" นายกอบศักดิ์ กล่าว
สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคการเมืองต่างๆ ที่นำเสนอออกมาค่อนข้างมากในช่วงของการหาเสียง ทำให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีภาระต้องใช้เงินจำนวนมากนั้น นายกอบศักดิ์ มองว่า เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วจะมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณ และหนี้รัฐบาลมีอยู่ค่อนข้างมากแล้ว ทำให้สิ่งที่พรรคการเมืองได้สัญญาไว้เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลจริงต้องเลือกทำบางนโยบายที่สำคัญก่อน ฉะนั้นโอกาสที่จะมีการใช้จ่ายจนเกินตัวคงมีไม่มาก อย่างไรก็ตาม ช่วงปลายปีการกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่ากระตุ้นจนต้องทำเป็นนโยบายถาวร
ตลาดทุนไทยอยากเห็นมาตรการระยะยาวมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาได้ยินแต่มาตรการระยะสั้น โดยอยากเห็นมาตรการที่จะสร้างอนาคตประเทศไทย หรือเพิ่มรายได้ในระยะยาว จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีฐานการผลิตที่ดีขึ้นจากเดิม คิดว่าจะต้องมีการเปลี่ยนอุตสาหกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว การแพทย์ เป็นต้น
"ตลาดทุนอยากได้ยินว่ารัฐบาลจะดำเนินการโครงการเหล่านั้นอย่างไร โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หรือบางโครงการที่อยากให้ดำเนินการต่อ เช่น โครงการ Regulatory Guillotine ที่ทำในเรื่องของการลดอุปสรรคทางกฎหมาย ช่วยปลดล็อกให้บริษัทต่างๆ และลดต้นทุนให้ทุกคน แข่งขันได้ดีขึ้น รวมถึงอยากเห็นมาตรการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาด้วย เนื่องจากช่วงนี้มีความต้องการเข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างมาก แต่ไทยยังจับไม่ค่อยได้ ซึ่งต้องช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของหลากหลายอุตสาหกรรมให้ได้" นายกอบศักดิ์ กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าการฟื้นกองทุนรวมระยะยาว (LTF) นั้นปัจจุบันตลาดทุนอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะมีนโยบายอย่างไรที่เหมาะสมเพื่อนำไปหารือกับรัฐบาลใหม่ ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นแรงจูงใจให้คนออมให้มากขึ้น เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ากองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF) ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ LTF ที่เคยช่วยสร้างเม็ดเงิน เพิ่มมูลค่าการลงทุนในตลาดทุน และสนับสนุนการออมระยะยาวได้ดีพอสมควร